`การช่วยเหลือหลังประสบภัยพิบัติ คู่มือสำหรับผู้สมัครรายบุคคล และครอบครัว FEMA 545 / กรกฏาคม 2551 Applicant’s Guide to the Individuals & Households Program – Thai 7/08 องค์กรเพื่อการบริหารจัดการสถานการ์ณฉุกเฉินแห่งรัฐบาลกลาง (The Federal Emergency Management Agency - FEMA) อาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฏหมายมาตรา 408 ของพระราชบัญญัติ Robert T. Stafford การบรรเทา สาธารณภัย และการให้ความช่วยเหลือในภาวะฉุกเฉิน 42 U.S.C. §5174 (Robert T. Stafford Disaster Relief and Emergency Assistance Act) และหัวข้อ 44 ของกฎระเบียบปฏิบัติของรัฐ (Code Federal Regulations - CFR) ว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือด้านการเงิน และบริการอื่นๆ ในกรณีจำเป็น แก่บุคคล และครอบครัว ผู้ซึ่งประ สบภัยพิบัติ และมีค่าใช้จ่ายอันจำเป็น รวมถึงต้องการความช่วยเหลือด้านอื่นๆ อย่างเร่งด่วน ซึ่งผู้ประสบภัยพิบัติไม่ สามารถหารายได้ หรือช่วยเหลือตนเองจากวิธีการอื่นๆ เรียน ผู้สมัครทุกท่าน เนื่องจากความพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะสื่อสารอย่างชัดเจนถึงข้อกำหนด เอกสารสำคัญ และขั้นตอนต่างๆ ของ โครงการในการให้ความช่วยเหลือ รายบุคคล และครอบครัว โดยองค์กรเพื่อการ บริหารจัดการสถานการ์ณ ฉุก เฉินแห่งรัฐบาลกลาง (Individuals and Households Program - IHP) จึงได้จัดทำคู่มือนี้ขึ้นสำหรับ แจก คู่มือนี้ได้รวบรวมข้อมูลอันน่าสนใจที่เกี่ยวข้องกับโครงการ IHP หากท่านมีคำถามเฉพาะที่เกี่ยวกับภัย พิบัติ ท่านสามารถเข้าเยี่ยมชมเวบไซต์ www.fema.gov หรือติดต่อ ที่สายด่วนเพื่อให้การช่วยเหลือของสำนัก งานจัดการฉุกเฉิน องค์กรเพื่อการบริหารจัดการสถานการ์ณ ฉุกเฉินแห่งรัฐบาลกลาง (Helpline) หมาย เลขโทรศัพท์ 1-800-621-3362 (FEMA) (สำหรับผู้มีปัญหาด้านการได้ยินสามารถ ติดต่อได้ที่หมายเลขโทรศัพท์TTY 1-800-462-7585) เพื่อการดำเนินตามพระราชบัญญัติการจัดการฟื้นฟูอย่างฉุกเฉินหลังวาตภัยแคทรีน่า (Post Katrina Emergency Management Reform Act) ในปี 2006 สำนักงานจัดการฉุกเฉินกลาง (FEMA)ได้ทำการปรับนโยบายและโครง การต่างๆ ให้มีความทันสมัย โดยได้บรรจุสิทธิต่างๆ เข้าไว้ เพื่อให้อำนาจแก่สำนักงานจัดการฉุกเฉินกลาง (FEMA) เป็นผู้ใช้สิทธิ ที่ได้รับมอบหมายจากสภานิติบัญญัติ(Congress) ให้บังคับใช้นโยบาย ตามขั้นตอนต่างๆ ที่ได้ระบุไว้ ในคู่มือการ สมัครฉบับนี้ได้จัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่สู่สาธารณชน ผ่านทางเวบไซต์ของสำนักงานจัดการฉุกเฉินกลาง (FEMA) และศูนย์ฟื้น ฟูภัยพิบัติ ตลอดจนสามารถดำเนินการจัดส่งทางไปรษณีย์ สำหรับผู้สมัครที่สมัครมาทาง โทรศัพท์หรือทาง อินเทอร์เน็ตอีกด้วย โครงการของสำนักงานฉุกเฉินกลาง (FEMA) นี้ได้จัดทำขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์ในการให้ความช่วยเหลือ ทั้ง แบบรายบุคคล และครอบครัวให้สามารถดำรงชีพได้โดยได้รับความช่วยเหลือในด้านความต้องการขั้นพื้นฐาน ที่จำเป็น เเพื่อช่วยให้เกิดการฟื้นฟูอย่างถาวร โครงการของสำนักงานฉุกเฉินกลาง (FEMA) นี้ มิได้มุ่งหวังที่จะ จัดสร้างที่พัก อาศัย หรือจัดหาอุปกรณ์เครื่องใช้ในสภาพก่อนเกิดภัยพิบัติ คืนให้กับผู้ประสบภัยแต่อย่างใด ทางโครงการหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ร่วมช่วยเหลือผู้ประสบภัยทุกท่าน ในกระบวนการฟื้นฟูหลังภัยพิบัติ ด้วยความปรารถนาดี FEMA Disaster Assistance Directorate สารบัญ ข้อมูลทั่วไปโครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยรายบุคคล และครอบครัว 1 ประเภทของความช่วยเหลือ 2 สิทธิมนุษยชน และการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยพิบัติ 3 ขั้นตอนการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยพิบัติ 3 หสักเกณฑ์การตัดสินเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้สมัคร 6 ประเภทของความสูญเสียที่ขอรับความช่วยเหลือได้ 8 ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ 10 หากท่านมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะได้รับความช่วยเหลือ 11 ข้อมูลเกี่ยวกับการประกันภัย และการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ 13 หากต้องการขออุทธรณ์ (Appeal) 14 การก่อสร้างใหม่ และการซ่อมแซม มาตรการบรรเทาความเสียหาย (Mitigation Measures) 17 ข้อมูลเกี่ยวกับการให้ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการเพื่อให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมแก่ผู้ประสบภัย 18 คำถามและคำตอบที่พบบ่อยๆ 23 คำอธิบายและเหตุผลสำหรับกรณีทีไม่สามารถขอรับความช่วยเหลือได้ 30 ตัวอย่างแบบฟอร์ม FEMA 90-69B 38 สายด่วน FEMA แจ้งเหตุอันพึงสงสัย 39 www.fema.gov 1 ข้อมูลทั่วไปของโครงการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติแบบรายบุคคล และครอบครัว (The Individuals and Households Program - IHP) วัตถุประสงค์ เมื่อเกิดภัยพิบัติ โครงการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยแบบรายบุคคล และครอบครัว (Individuals and Households Program - IHP) จะให้ ความช่วยเหลือด้านการเงิน และบริการอื่นๆ แก่ประชาชนที่อาศัยในบริเวณที่เกิดภัยพิบัติ ซึ่งต้องเป็นกรณีที่บริษัท ประกันภัยไม่สามารถชดเชยความสูญเสียอันเกิดขึ้นได้ และที่อยู่อาศัยได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง คู่มือนี้ให้ข้อมูลที่จะทำให้ท่านเข้าใจโครงการ IHP และอธิบายวิธีการสมัครอย่างละเอียด ท่านต้องเป็นผู้มีคุณสม บัติครบถ้วนตามที่โครงการระบุไว้จึงจะสามารถขอรับความช่วยเหลือได้โครงการ IHP มุ่งให้ความช่วยเหลือต่อ ท่านที่มีค่าใช้จ่ายที่จำเป็น อันมิสามารถชดเชย หรือหามาได้ด้วยวิธีการอื่น ข้อจำกัด โครงการ IHP ไม่ครอบคลุมความสูญเสียแบบเบ็ดเสร็จ อันเกิดต่อทรัพย์สินของท่าน (บ้าน ทรัพย์สิน และ อุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวเรือน) ที่ถูกทำลายจากภัยพิบัติ โครงการ IHP มิได้มีเป้าหมายที่จะซ่อมแซมทรัพย์สินของท่านที่เสียหายจากภัยพิบัติ ให้อยู่ในสพาบดีเท่าเดีม ในบางกรณี โครงการ IHP อาจให้ความช่วยเหลือด้วยจำนวนเงินที่เพียงพอหรือมากเท่าที่ โครงการกำหนดไว้ สำหรับให้ท่านซ่อมแซมทรัพย์สินที่เสียหาย โครงการ IHP ไม่ครอบคลุม และไม่ชดเชยความเสียหายทุกประการอันเกิดจากภัยพิบัติ ที่มีต่อ หรือส่งผล กระทบต่อธุรกิจของท่าน ตามกฏหมาย โครงการ IHP ไม่สามารถมอบเงินชดเชยความเสียหายที่มีต่อทรัพย์สมบัติของท่าน ในกรณีที่ความเสียหายเหล่านั้นได้รับความคุ้มครองจากการประกันภัยของท่าน ถึงแม้ว่า โครงการ IHP จะให้ความช่วยเหลือด้านการเงิน แต่เงินชดเชยความเสียหายจากภัยพิบัติที่มาจากรัฐบาลกลาง ยังอยู่ในรูปแบบของเงินกู้ยืม จากหน่วยงานสนับสนุนผู้ประกอบการค้า และธุรกิจขนาด ย่อม (Small Business Administration - SBA) ที่ท่านจะต้องชำระคืน ผู้สมัครโครงการ IHP อาจต้องยื่นคำร้อง ขอความช่วยเหลือจาก SBA ก่อน ที่จะได้รับการพิจารณาให้ความช่วยเหลือจากโครงการ IHP อย่างไรก็ตาม ท่านไม่จำเป็นต้องยื่นใบคำร้องขอ กู้ยืมเงินจาก SBA เพื่อรับการ พิจารณาจาก FEMA ในการให้ความช่วยเหลือเพื่อการเช่าที่อยู่อาศัย FEMA Disaster Helpline ที่หมายเลข 1-800-621-3362 (FEMA) (สำหรับผู้มีปัญหา ด้านการ ได้ยิน หรือด้าน การพูด สามารถ ติตต่อมาที่หมายเลข 1-800-462-7585) 2 ประเภทของความช่วยเหลือ ประเภทของความช่วยเหลือ และรายละเอียดตามที่ระบุไว้ในโครงการ IHP มีดังต่อไปนี้ ที่อยู่อาศัยชั่วคราว (Temporary Housing) (ที่อยู่อาศัยที่สามารถพำนักได้ในระยะเวลาจำกัด): เงิน ค่าเช่าที่พัก หรือรัฐบาลจะจัดสรรที่อยู่อาศัยชั่วคราวให้ในกรณีที่ไม่มีสถานที่ให้เช่าอาศัย การซ่อมแซม (Repair): เจ้าของบ้านสามารถขอรับเงินช่วยเหลือเพื่อนำมาซ่อมแซมความเสียหาย ของที่พักอาศัยอันเกิดจากภัยพิบัติ ซึ่งความเสียหายนั้นต้องมิได้รับความคุ้มครองจากประกันภัย ของท่าน การให้ความช่วยเหลือดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ในการซ่อมแซมที่พักอาศัยให้มีความแข็งแรง มั่นคง ปลอดภัย ถูกสุขอนามัย และมีประสิทธิภาพในการใช้งาน การก่อสร้างทดแทน (Replacement): เจ้าของบ้านสามารถขอรับเงินช่วยเหลือเพื่อนำมาก่อสร้าง ที่พักอาศัยขึ้นใหม่ เพื่อทดแทนที่พักอาศัยเก่า อันเกิดความเสียหายจากภัยพิบัติ ซึ่งความเสียหายนั้น ต้องมิได้รับความคุ้มครองตามที่ระบุไว้ในกรรมธรรม์ของท่าน การให้ความช่วยเหลือดังกล่าวมี วัตถุประสงค์ที่จะช่วยเหลือเจ้าของบ้าน ด้านค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างที่พักอาศัยขึ้นใหม่ การสร้างที่อยู่อาศัยถาวร หรือกึ่งถาวร (Permanent/ Semi Permanent Housing Construction): ไม่ว่าจะเป็นการให้ความช่วยเหลือทางตรง หรือให้ความช่วยเหลือด้านการเงินสำ หรับการก่อสร้างที่อยู่อาศัยตาม ข้อกำหนดของสำนักงานฉุกเฉินกลาง (FEMA) ผู้ประสบภัยพิบัติที่อาศัยในชนบท หรืออาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกลเมือง ซึ่งความช่วยเหลือประเภทอื่นไม่สามารถกระทำได้เท่านั้นจึงจะมีสิทธิขอรับความช่วยเหลือประเภทนี้ ความต้องการด้านอื่นๆ (Other needs): การให้ความช่วยเหลือด้านการเงินเพื่อนำไปชำระค่าใช้จ่ายที่จำเป็น อันเกิดจากภัยพิบัติ อันได้แก่ ค่ารักษาพยาบาล ค่าฑันตกรรม ค่าจัดงานศพ ทรัพย์สินต่างๆ ค่ายานพาหนะ ค่าขนย้ายและจัดเก็บ รวมไปถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ ตามที่กฏหมายระบุไว้ www.fema.gov 3 สิทธิพลเมืองอันชอบธรรม และการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยพิบัติ พระราชบัญญัติ Robert T. Stafford การบรรเทาสาธารณภัย และการให้ความช่วยเหลือในภาวะฉุก เฉิน 42 U.S.C. §5174 หรือ Stafford Act (Robert T. Stafford Disaster Relief and Emergency Assistance Act – Stafford Act) คือกฏหมายที่ให้อำนาจในการให้ความช่วยเหลือเมื่อประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาประกาศ ให้รัฐนั้นๆ เป็นเขต แห่งภัยพิบัติ ตามมาตรา 308 แห่งพระราชบัญญัติ Stafford ว่าด้วยการให้ความคุ้มครองประชาชนให้มีสิทธิได้รับ ความช่วยเหลือทุกประเภทอย่างเท่าเทียมกัน โดยมิถูกเลือกปฏิบัติโดย อิงจาก ชนชาติ สีผิว ศาสนา เชื้อชาติ เพศอายุ หรือสถานะทางเศรษฐกิจ และกฏหมายมาตรา 309 แห่งพระราชบัญญัติ Stafford นั้นได้ระบุให้นำหลักการปฏิบัติต่อ ทุกปัจเจกชนด้วยความเสมอภาค และเท่าเทียม ไปใช้กับทุกๆ องค์กรที่มีอุดมการณ์ในการให้ความช่วยเหลือเพื่อ การฟื้นฟูบูรณาการ นอกเหนือจากนี้ หัวข้อ 6 แห่งพระราชบัญญัติสิทธิพลเมืองอันชอบธรรม ค.ศ. 1964 (Civil Rights Act) ว่าด้วยการคุ้มครองปัจเจก บุคคลมิให้ถูกเลือกปฏิบัติ โดยอิงจาก ชนชาติ สีผิว หรือเชื้อชาติ เพื่อกีดกันจากการได้รับความช่วยเหลือด้าน การเงินจากรัฐบาลกลาง ตามมาตรา 504 แห่งพระราชบัญญัติการฟี้นฟู ค.ศ. 1973 (Rehabilitation Act) ซึ่งเป็นกฏหมายบังคับใช้ทั่ว ราชอาณาจักร ว่าด้วยการให้ความคุ้มครองผู้พิการ จากการถูกเลือกปฏิบัติ หรือกีดกันจากการ ได้รับความช่วย เหลือจากกองทุนของรัฐบาลกลาง หรือกองทุนที่ ดำเนินการภายใต้การดูแลของรัฐบาล กลาง ตามมาตรา 508 ของพระราชบัญญัติเดียวกันนี้ ได้ระบุว่า การเลือกปฏิบัติ หรือกีดกันผู้พิการจากการ กระทำใดๆ อันเกี่ยวเนื่อง กับระบบเทคโนโลยีที่ดำเนินการโดยรัฐบาลกลาง. ขั้นตอนการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยพิบัติ การให้ความช่วยเหลือดังต่อไปนี้จะกระทำได้ต่อเมื่อประธานาธิปดีได้ประกาศให้พื้นที่นั้นเป็นเขตภัย พิบัติเท่านั้น 1.ท่านสามารถสมัครทางอินเทอร์เน็ตผ่านเว็บไซต์ www.fema.gov หรือทางโทรศัพท์ หมายเลข 1-800-621- 3362 (FEMA) (สำหรับผู้มีปัญหาด้านการได้ยิน หรือด้านการพูด สามารถติตต่อมาที่หมายเลข 1 800-462-7585) นอกเหนือจากการเตรียมอุปกรณ์ อาทิ ปากกา และกระดาษแล้ว กรุณาเตรียม ข้อมูลดังต่อไปนี้ให้พร้อมเพรียง • หมายเลขประกันสังคม (Social Security Number) • ข้อมูลที่ระบุถึงความเสียหายอันเกิดจากภัยพิบัติ FEMA Disaster Helpline ที่หมายเลข 1-800-621-3362 (FEMA) (สำหรับผู้มีปัญหา ด้านการ ได้ยิน หรือด้าน การพูด สามารถ ติตต่อมาที่หมายเลข 1-800-462-7585) 4 • ข้อมูลกรมธรรม์ • เส้นทางสู่ที่พักอาศัยซึ่งเกิดความเสียหายจากภัยพิบัติ • หมายเลขโทรศัพท์ที่สะดวกในการติดต่อกลับ ในกรณีการสมัครผ่านทางโทรศัพท์ ข้อมูลต่างๆ ของผู้สมัครจะถูกจัดเก็บในระบบคอมพิวเตอร์ และ เมื่อใบสมัครของผู้สมัครถูกกรอกอย่างเสร็จสมบูรณ์แล้ว ผู้สมัครจะได้รับหมายเลข FEMA ซึ่งเป็น หมายเลขประจำตัวผู้สมัคร หากผู้สมัครมีคำถามหรือข้อสงสัยประการใดหลังการสมัครขอรับความช่วยเหลือ หรือต้องการแก้ไขเปลี่ยน แปลงข้อมูลที่ผู้สมัครแจ้งไว้ ผู้สมัครสามารถติดต่อมายังศูนย์ให้ความช่วยเหลือขององค์กรเพื่อ การบริหาร จัดการสถานการ์ณฉุกเฉินแห่งรัฐบาลกลาง (FEMA Helpline) ที่หมายเลข 1-800-621-3362 (FEMA) (สำหรับ ผู้มีปัญหา ด้านการได้ยิน หรือด้าน การพูด สามารถ ติตต่อมาที่หมายเลข 1800-462-7585) กรุณาเตรียมหมาย เลขประจำตัวผู้สมัครไว้อย่างพร้อมเพรียง ในทุกครั้งของการติดต่อ ทั้งนี้ ผู้สมัครจะได้รับหมายเลขดังกล่าว หลังจากการสมัครขอรับความช่วยเหลือ และหมายเลขดังกล่าวจะระบุอยู่ในทุกๆ จดหมายจากโครงการ IHP ที่จัดส่งถึงผู้สมัคร 2. เมื่อไหร่ที่ผู้สมัครจะได้รับการติดต่อกลับจากพนักงานสำรวจความเสียหาย (an inspector) หากผู้สมัครไม่ มั่นใจ หรือไม่มีกรมธรรม์ที่สามารถครอบคลุมความเสียหายอย่างทั่วถึงแล้วนั้น พนักงานสำรวจความเสียหาย จะโทรศัพท์ติดต่อผู้สมัครเพื่อนัดหมายขอเข้าสำรวจที่พักอาศัยของผู้สมัคร และใน บางกรณี ผู้สมัครอาจได้ รับการติดต่อกลับภายในวันที่สมัคร อย่างไรก็ตาม ในกรณีทั่วๆ ไป ผู้สมัครจะได้รับการติดต่อกลับจากพนัก งานสำรวจความเสียหายภายในระยะเวลา 3-4 วัน หรือไม่เกิน 10 วัน นับจากวันสมัคร พนักงานสำรวจความเสียหาย จะประเมินความเสียหายทั้งหมดที่เกิดจากภัยพิบัติ ต่อทรัพย์สินส่วนตัวของ ผู้สมัครโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ พนักงานสำรวจความเสียหายเป็นบุคคลภายนอกที่สำนักงานฉุกเฉินได้ว่า จ้างให้ทำหน้าที่ดังกล่าว มิใช่พนักงานประจำของสำนักงานฉุกเฉิน (FEMA) อย่างไรก็ดี พนักงานสำรวจ ความเสีย หายจะต้องมีรูปถ่ายติดบัตรประจำตัวพนักงาน และระหว่างการประเมินความเสียหาย ผู้สมัคร หรือบุคคล อื่นใดที่มีอายุ 18 ปี ขึ้นไป และอาศัยอยู่ในอาคารที่พักนั้นๆ ก่อนเกิดภัยพิบัติจะต้องอยู่ด้วย www.fema.gov 5 พนักงานสำรวจความเสียหายจำเป็นต้องขอดูหมายเลขประจำตัวผู้สมัคร และผู้สมัครต้องแสดงหลักฐาน แสดงความเป็นเจ้าของ และการถือสิทธิ์ครอบครองที่พักอาศัย ต่อเจ้าพนักงานสำรวจความเสียหาย พนักงานสำรวจความเสียหายจะต้องให้ผู้สมัครลงลายมือชื่อบนแบบฟอร์ม FEMA เพื่อรับรองความ ถูกต้องของข้อมูลที่ได้จากผู้สมัคร พนักงานสำรวจความเสียหายจะยื่นใบคำร้อง แต่พนักงานสำรวจ ความเสียหายไม่สามารถตัดสินได้ว่าผู้สมัครมีคุณสมบัติที่จะได้รับการช่วยเหลือ 3.ภายในเวลา 10 วันนับจากวันที่พนักงานสำรวจความเสียหายเข้าประเมินความเสียหาย ผู้สมัครจะ ได้รับจดหมายจาก IHP เพื่อแจ้งให้ทราบผลการสมัครขอรับความช่วยเหลือ • กรณีที่ผู้สมัครมีคุณสมบัติครบตามเกณฑ์ U.S. Treasury/State จะส่งเช็ค และ จดหมาย ไปยังผู้สมัคร หรือจะโอนเงินเข้าบัญชีผู้สมัคร จดหมายที่ส่งตามไปนั้นจะอธิบายถึงการ ใช้เงินให้ตรงตามวัตถุประสงค์ของโครงการ และผู้สมัครต้องปฏิบัติตามแนวทางที่ระบุ ไว้ในจดหมายอย่างเคร่งครัด • กรณีที่ผู้สมัครมีคุณสมบัติไม่ผ่านตามเกณฑ์ ผู้สมัครจะได้รับจดหมายปฏิเสธซึ่งใน จดหมายจะระบุเหตุผล พร้อมทั้งแจ้งถึงสิทธิที่ผู้สมัครสามารถอุธรณ์ต่อไปได้ • กรณีที่ผู้สมัครได้รับการติดต่อจาก หน่วยงานสนับสนุนผู้ประกอบการค้า และธุรกิจขนาดย่อม (SBA) เพื่อให้เข้าร่วมโครงการการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยของ SBA (SBA Disaster Assistance Program) FEMA Disaster Helpline ที่หมายเลข 1-800-621-3362 (FEMA) (สำหรับผู้มีปัญหา ด้านการ ได้ยิน หรือด้าน การพูด สามารถ ติตต่อมาที่หมายเลข 1-800-462-7585) 6 หลักเกณฑ์การตัดสินเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้สมัคร การขอรับเงินช่วยเหลือเพื่อที่พักอาศัย (Housing Needs) หลังประสบภัยพิบัติ ผู้สมัครต้องมี คุณสมบัติครบ ถ้วนดังต่อไปนี้ • ผู้สมัครได้ทำประกันภัยไว้ แต่กรมธรรม์ไม่ครอบคลุมความเสียหายที่เกิดแก่ที่พักอาศัยนั้นผู้สมัค รอาจจะสามารถขอรับความช่วยเหลือจาก IHP เพื่อการซ่อมแซมที่พักอาศัยของตนได้ • ผู้สมัคร หรือผู้พักอาศัยในที่พักอาศัยนั้นต้องเป็นพลเมือง หรือเป็นบุคคลที่มาสถานะเทียบเท่า พลเมือง หรือเป็นคนต่างด้าวที่มีคุณสมบัติเหมาะสมของประเทศสหรัฐอเมริกา • ที่พักอาศัยตั้งอยู่ในเขตภัยพิบัติตามคำสั่งของประธานาธิบดี • ที่พักอาศัยที่ตั้งอยู่ในเขตภัยพิบัตินั้น คือที่พักอาศัย ที่ผู้สมัครได้พำนักอาศัยเป็นเวลาส่วน ใหญ่ตลอดปีที่เกิดเหตุ • ผู้สมัครต้องไม่สามารถเข้าพักอาศัยในที่พักอาศัยนั้นได้ในเวลาปัจจุบัน และผู้สมัครยังไม่ สามารถเข้าไปในบ้านของตนอันเนื่องจากความเสียหายที่เกิดจากภัยพิบัติ หรือที่พักอาศัย ของผู้สมัครอยู่ในสภาพที่ต้องได้รับการซ่อมแซมความเสียหายที่เกิดจากภัยพิบัติ การขอรับเงินช่วยเหลือเพื่อความจำเป็นอื่นๆ นอกเหนือจากเพื่อ ที่พักอาศัย (Needs Other than Housing) ซึ่งความจำเป็นนั้นๆ เกิดจากผลของภัยพิบัติ ผู้สมัครต้องมีคุณสมบัติครบ ดังต่อไปนี้ • ผู้สมัครสูญเสียทรัพย์สินในบริเวณที่ประธานาธิบดีได้ประกาศให้เป็นเขตภัยพิบัติ • ผู้สมัครได้ทำประกันภัยไว้ แต่กรรมธรรม์ไม่ครอบคลุมความเสียหายที่เกิดแก่ทรัพย์สิน ส่วนตัวของผู้สมัคร ผู้สมัครอาจสามารถขอความช่วยเหลือจาก IHP เพื่อการซ่อมแซม ทรัพย์สินของผู้สมัครได้ • ผู้สมัคร หรือผู้พักอาศัยในที่พักอาศัยนั้นต้องเป็นพลเมือง หรือเป็นบุคคลที่มาสถานะเทียบเท่า พลเมือง หรือเป็นคนต่างด้าวที่มีคุณสมบัติเหมาะสมของประเทศสหรัฐอเมริกา www.fema.gov 7 • ผู้สมัครมีค่าใช้จ่ายที่จำเป็น หรือมีความต้องการอื่นๆ อันจำเป็นอย่างยิ่งยวด ซึ่งเกิดจาก ผลของภัยพิบัติ • ผู้สมัครยินยอมรับความช่วยเหลือจากองค์กรช่วยเหลืออื่นๆ ที่ผู้สมัครสามารถขอรับความ ช่วยเหลือได้ อาทิ จากบริษัทประกันภัย หรือ กองทุนกู้ยืม SBA ผู้สมัครไม่สามารถรับเงินช่วยเหลือ หรือได้รับความช่วยเหลืออื่นๆ จาก IHP ได้ ในกรณีดังต่อไปนี้ • ผู้สมัครมีบ้านพักสำรอง หรือบ้านเช่าที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายมีเพียงพอให้ผู้สมัครอาศัยอยู่ได้ (อาทิ อาคารบ้านพักที่ให้เช่าซึ่งไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่) • อาคารบ้านเรือนของผู้สมัครที่เสียหายนั้น คือบ้านพักสำรอง หรือบ้านพักตากอากาศ • ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นนั้นเป็นค่าใช้จ่ายจากการย้ายออกจากบ้าน เนื่องจากการเตือนภัยล่วง หน้า และผู้สมัครสามารถกลับคืนสู่อาคารบ้านเรือนของตนได้ทันทีหลังเกิดภัยพิบัติ • ผู้สมัครปฏิเสธความช่วยเหลือจากบริษัทประกันภัยที่ผู้สมัครถือกรมธรรม์ไว้ • ความสูญเสียของผู้สมัครคือการสูญเสียทางธุรกิจ (หมายรวมถึง การเกษตรเพื่อธุรกิจ อัน นอกเหนือไปจาก การเกษตรภายในครอบครัว และกิจการที่ผู้สมัครเป็นนายจ้างของ ตนเอง) หรือทรัพย์สิน สิ่งของอื่นใดที่ทางโครงการมิได้ครอบคลุมไปถึง • อาคารบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายตั้งอยู่ในเขตน้ำท่วม และหมู่บ้านของผู้สมัครมิได้เข้า ร่วมโครงการประกันภัยน้ำท่วมแห่งชาติ (National Flood Insurance Program) ในกรณี ดังกล่าว ความเสียหายของอาคารบ้านพักที่เกิดจากน้ำท่วมจะไม่ได้รับการคุ้มครอง อย่างไรก็ตามผู้สมัครอาจสามารถขอรับความช่วยเหลือด้านที่พักอาศัยชั่วคราว หรือสิ่ง ต่างๆ ดังต่อไปนี้ที่การประกันภัยน้ำท่วมไม่ครอบคลุม เช่น บ่อน้ำบาดาล ระบบกำจัด ปฏิกูล ยารักษาโรค ฑันตกรรม หรือค่าใช้จ่ายในการจัดพิธีศพ FEMA Disaster Helpline ที่หมายเลข 1-800-621-3362 (FEMA) (สำหรับผู้มีปัญหา ด้านการ ได้ยิน หรือด้าน การพูด สามารถ ติตต่อมาที่หมายเลข 1-800-462-7585) 8 ประเภทของความสูญเสียที่สามารถขอรับความช่วยเหลือได้ โครงการ IHP ให้ความช่วยเหลือด้านการซ่อมแซม หรือการสร้างขึ้นใหม่เพื่อทดแทนสิ่งใดๆ ก็ตาม ที่ถูกทำให้เสียหายจากภัยพิบัติ ซึ่งความเสียหายนั้นๆ ไม่อยู่ในความคุ้มครองที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ ของผู้ประสบภัย การซ่อมแซม หรือการก่อสร้างที่พักอาศัยขึ้นใหม่นั้นอาจไม่สามารถปรับปรุงให้มี สภาพที่ดีกว่าสภาพดั้งเดิมก่อนถูกทำให้เสียหายจากภัยพิบัติได้ ยกเว้นการปรับปรุงนั้นได้ถูก กำหนดให้ดำเนินการตามหลักการควบคุมการก่อสร้างอาคารที่บังคับใช้ในปัจจุบัน ความต้องการด้านที่พักอาศัย (Housing Needs): เงินช่วยเหลือจะต้องนำไปใช้เฉพาะเพื่อการ ซ่อมแซมอาคารบ้านเรือนให้มีความปลอดภัย และถูกสุขลักษณะเพียงพอที่จะพำนักอาศัยได้เท่านั้น IHP มิใช่ให้เพื่อการสร้าง ซ่อมแซม หรือปรับปรุงที่พักอาศัยให้กลับสู่สภาพดั้งเดิมก่อนเกิดภัยพิบัติ เงินช่วย เหลือเพื่อที่พักอาศัยสามารถนำไปใช้ในกรณีต่างๆ ดังต่อไปนี้: • โครงสร้างต่างๆ ของอาคารบ้านเรือน (เสาเข็ม ผนังที่ประกอบขึ้นเป็นบ้าน และหลังคา) • หน้าต่าง ประตู พื้น กำแพง เพดาน และตู้เก็บของต่างๆ • ระบบกำจัดสิ่งปฏิกูล หรือระบบกำจัดน้ำเสีย • บ่อบาดาล หรือระบบการส่งน้ำ • ระบบทำความร้อน ระบบระบายอากาศ หรือระบบปรับอากาศ • ระบบสาธารณูปโภค (ระบบไฟ ระบบประปา และระบบแก๊ซหรือน้ำมันเชื้อเพลิง) • ทางเข้า และทางออกของบ้าน รวมไปถึงถนนส่วนบุคคลที่เชื่อมต่อไปถึงถนนสายหลัก • การจัดสรรพื้นที่ การปรับพื้น และการวางสมอของบ้านเคลื่อนที่ รวมถึงการเชื่อมต่อ หรือ จัดระบบ ท่อระบายน้ำประปา ไฟฟ้า และท่อส่งแก๊ซ ตลอดจนการติดตั้งถังขนาดใหญ่ ขึ้นใหม่ www.fema.gov 9 ความต้องการอันจำเป็นด้านอื่นๆ (Other than Housing Needs): เงินช่วยเหลือจะต้องนำไปใช้สำหรับการ ซ่อมแซมทรัพย์สินส่วนบุคคล หรือใช้สำหรับค่าใช้จ่ายอันจำเป็นต่างๆ ที่พึงเกิดขึ้นเนื่องจาก หรือเกี่ยวข้อง กับภัยพิบัติ และความต้องการอันจำเป็นต่างๆ นี้ต้องเป็นสิ่งของ หรือบริการที่สามารถปกป้อง หรือทำให้ ผู้ประสบภัยผ่านพ้นความยากลำบาก ความบาดเจ็บ หรือสภาวะอันตรายต่างๆ ได้ เงินช่วยเหลือจาก IHP มิใช่เพื่อการสร้าง ซ่อมแซม หรือปรับปรุงที่พักอาศัยให้กลับสู่สภาพดั้งเดิมก่อนเกิดภัยพิบัติ เงินช่วยเหลือ เพื่อความต้องการอันจำเป็นด้านอื่นๆ สามารถนำไปใช้ในกรณีต่างๆ ดังต่อไปนี้ : • ค่ารักษาพยาบาล หรือค่าฑันตกรรม อันเป็นผลที่เกิดจากภัยพิบัติ • ค่าใช้จ่ายเพื่องานศพ และการฝังศพ อันเป็นผลที่เกิดจากภัยพิบัติ • เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม อุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้าน (เฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์อำนวยความสะดวก ต่างๆ) และเครื่องมือ (เครื่องนุ่งห่มที่มีคุณสมบัติเฉพาะ หรือเครื่องนุ่งห่มที่ให้ความอบอุ่น) ที่จำเป็นต้องใช้สำหรับการประกอบอาชีพของท่าน ตลอดจนอุปกรณ์ประกอบการเรียนการ สอน (อาทิ คอมพิวเตอร์ หนังสือเรียน และอุปกรณ์เครื่องเขียนอื่นๆ) • น้ำเชื้อเพลิงสำหรับแหล่งให้พลังงานความร้อนประเภทต่างๆ (อาทิ เครื่องทำความร้อน แบบใช้น้ำมันเชื้อเพลิง แก๊ซ และฟืน) • ข้าวของเครื่องใช้ที่ต้องได้รับการทำความสะอาด อันเป็นผลที่เกิดจากภัยพิบัติ (อาทิ เครื่องดูดฝุ่นที่เปียกชื้น เครื่องฟอกอากาศ และเครื่องดูดความชื้น) • ยานพาหนะที่เสียหายจากภัยพิบัติ • ค่าใช้จ่ายในการขนย้าย และจัดเก็บทรัพย์สิน อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากภัยพิบัติ (ทั้งนี้ การ ขนย้าย และจัดเก็บทรัพย์สมบัติ ต้องทำขึ้นเพื่อเลี่ยงการเกิดความเสียหายเพิ่มเติม ระหว่างการซ่อมแซมที่พักอาศัยที่เสียหายจากภัยพิบัติ) • ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นอื่นๆ หรือความต้องการที่จำเป็นด้านอื่นๆ ที่ได้รับความเห็นชอบจาก สำนักงานฉุกเฉินกลาง (FEMA) FEMA Disaster Helpline ที่หมายเลข 1-800-621-3362 (FEMA) (สำหรับผู้มีปัญหา ด้านการ ได้ยิน หรือด้าน การพูด สามารถ ติตต่อมาที่หมายเลข 1-800-462-7585) 10 ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ การใช้จ่ายเงินช่วยเหลือจากโครงการ IHP เพื่อซ่อมแซม หรือก่อสร้างที่พักอาศัยก็ดี หรือเพื่อความ จำเป็นด้านอื่นๆ ก็ดี จะต้องเป็นการใช้จ่ายที่ตรงตามวัตถุประสงค์ และหลักการตามที่สำนักงาน ฉุกเฉินกลาง (FEMA)ระบุไว้เท่านั้น • หากท่านใช้เงินช่วยเหลือไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ และหลักการตามที่สำนักงานฉุกเฉินกลาง (FEMA) ได้ระบุไว้ ท่านอาจไม่ได้รับความช่วยเหลือเพิ่มเติม และท่านอาจต้องชำระเงินช่วย เหลือคืนโครงการอีกด้วย • ตามปรกติ ท่านจะได้รับเงินช่วยเหลือมากสุดถึง 18 เดือนนับจากวันที่ประธานาธิบดีได้ ประกาศให้พื้นที่นั้นๆ เป็นเขตภัยพิบัติ • เงินช่วยเหลือนั้นเป็นเงินให้เปล่า ไม่ต้องชำระคืน • ไม่เสียภาษีอากร • เงินช่วยเหลือไม่นับเป็นรายได้ หรือเป็นแหล่งที่มาของรายได้ ซึ่งใช้เป็นเกณฑ์ตัดสิน พิจารณาการขอรับสวัสดิการ (welfare) ความช่วยเหลือเพื่อการดำรงชีวิตพื้นฐาน (income assistance) หรือผลประโยชน์ทดแทนแบบการทดสอบรายได้ (income-tested benefit) ซึ่งเป็นกองทุนที่มาจากรัฐบาลกลาง • เงินช่วยเหลือนี้ได้รับการยกเว้นจากการถูกอายัดทรัพย์ การยึดทรัพย์ การเรียกร้องสิทธิใน ทรัพย์สิน การถูกเรียกเก็บ การถูกบังคับดำเนินคดีตามกฏหมาย การจำนำ โอนสิทธิ์ หรือ สละสิทธิ์ • เงินช่วยเหลือนี้ไม่สามารถเปลี่ยนผู้รับประโยชน์ หรือถ่ายโอนกรรมสิทธิ์ไปยังบุคคลอื่นได้ • ท่านต้องเก็บรักษาใบเสร็จรับเงิน หรือใบแจ้งค่าสินค้า หรือบริการเป็นเวลาสามปี เพื่อใช้ พิสูจน์การใช้เงินตามความจำเป็นที่เกี่ยวกับภัยพิบัติของท่าน www.fema.gov 11 ก่อนการซ่อมแซมใดๆ กรุณาตรวจสอบกับกองควบควบคุมการก่อสร้างอาคารในเขต ของท่าน เพื่อทราบว่าการขออนุญาตก่อสร้าง หรือการตรวจตัวอาคารจำเป็นหรือไม่ หากท่านมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะได้รับความช่วยเหลือ หากผู้สมัครขอความช่วยเหลือจากโครงการ IHP เป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วน และได้ผ่านการ พิจารณาให้ความช่วยเหลือแล้ว เงินช่วยเหลือต้องนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ด้านล่างเท่านั้น เงินช่วยเหลือดังกล่าวไม่สามารถนำไปใช้สำหรับการเข้าพักอาศัยร่วมกับญาติพี่น้อง หรือเพื่อน ทั้งนี้ โครงการให้คำอธิบายของประเภทการใช้เงินช่วยเหลือ ดังต่อไปนี้ ทันตกรรม (Dental): เงินช่วยเหลือเพื่อการชำระค่าฑันตกรรม เนื่องจากฟัน และเหงือกได้รับ บาดเจ็บจากการเกิดภัยพิบัติ งานศพ (Funeral): เงินช่วยเหลือเพื่อการชำระค่าจัดทำพิธีศพ ฝังศพ หรือสุสาน และรวมถึงค่าใช้ จ่ายเพื่อการจัดทำพิธีศพอื่นๆ อันเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตที่เกิดจากภัยพิบัติ การซ่อมแซมที่พักอาศัย (Home Repair): เจ้าของบ้านจะได้รับเงินช่วยเหลือ เพื่อนำไปชำระค่าแรง และวัสดุที่ใช้ในการสร้างบ้านเพื่อให้บ้านมีความมั่นคง แข็งแรง ปลอดภัย ถูกสุขลักษณะ และอยู่ใน สภาพที่ใช้งานได้ การช่วยเหลือด้านการจัดหาที่พัก (Housing Assistance): การให้ความช่วยเหลือด้านความต้องกา รอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับที่พักอาศัยที่เสียหายจากภัยพิบัติ การรักษาพยาบาล (Medical): เงินช่วยเหลือเพื่อการชำระค่ารักษาพยาบาล หรือเพื่อการซื้ออุปกรณ์ การแพทย์ที่จำเป็นเนื่องจากได้รับบาดเจ็บทางร่างกาย ซึ่งเกิดจากภัยพิบัติ การขนย้าย และการจัดเก็บ (Moving and Storage): เงินช่วยเหลือเพื่อการชำระค่าขนย้าย และจัด เก็บทรัพย์สินส่วนบุคคลเพื่อป้องกันมิให้เกิดการเสียหายเพิ่มเติม อันเป็นผลเนื่องจากภัยพิบัติ FEMA Disaster Helpline ที่หมายเลข 1-800-621-3362 (FEMA) (สำหรับผู้มีปัญหา ด้านการ ได้ยิน หรือด้าน การพูด สามารถ ติตต่อมาที่หมายเลข 1-800-462-7585) 12 กิจอื่นๆ (Other): เงินช่วยเหลือเพื่อการชำระค่าใช้จ่ายที่จำเป็นอื่นๆ อันเป็นผลสืบเนื่องจากภัยพิบัติ และต้องได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานฉุกเฉินกลาง ที่พักอาศัยแบบถาวร และแบบกึ่งถาวร (Permanent/Semi Permanent Housing): หากบ้านเช่ามี ปริมาณไม่เพียงพอต่อความต้องการ สภาพบ้านเสียหายเกินกว่าจะซ่อมแซม และการให้ความช่วย เหลือด้านที่พักไม่อยู่ในภาวะที่กระทำได้ รวมถึงการขาดแคลนผู้รับเหมาก่อสร้างในบริเวณที่ท่าน อาศัยอยู่ สำนักงานฉุกเฉินกลาง (FEMA) ยินดีที่จะสร้างที่พักอาศัยขึ้นใหม่ให้กับท่าน ทรัพย์สินส่วนบุคคล (Personal Property): เงินช่วยเหลือเพื่อการชำระค่าซ่อมแซม และ หรือ ซื้อหาอุปกรณ์ เครื่องใช้นั้นๆ ใหม่ อาทิ เฟอร์นิเจอร์ เตียงนอน อุปกรณ์อำนวยความสะดวก และเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม ความช่วยเหลือด้านการเช่าอาศัย (Rental Assistance): เงินช่วยเหลือเพื่อการชำระค่าเช่าอาศัย สำหรับเจ้าของบ้าน เงินช่วยเหลือนี้อาจจะไปใช้ในการซ่อมแซมบ้านได้ หากมีความจำเป็น การสร้างบ้านขึ้นใหม่เพื่อทดแทน (Replacement Housing): เงินช่วยเหลือเพื่อการชำระค่าใช้จ่าย ต่างๆ ที่ใช้ในการสร้างบ้านขึ้นใหม่ เนื่องจากบ้านไม่อยู่ในสภาพแข็งแรง มั่นคง ปลอดภัย ถูก สุขลักษณะ และไม่อยู่ในสภาวะใช้งานได้ ซึ่งโครงการจะจ่ายเงินให้เป็นจำนวนสูงสุดเท่าที่กฎหมาย กำหนด การพำนักอาศัยชั่วคราว (Transient Accomodation Assistance): เงินช่วยเหลือเพื่อการชำระค่า เช่าบ้านพัก (โรงแรม หรือโรงแรมขนาดเล็ก) ซึ่งการเข้าพักเป็นผลสืบเนื่องมาจากภัยพิบัติ การคมนาคมขนส่ง (Transportation): เงินช่วยเหลือเพื่อการชำระค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการซ่อมแซม และ หรือ ซื้อยวดยานพาหนะมาใหม่ อันเนื่องมาจากความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อยวดยานพาหนะจาก ภัยพิบัติ ซึ่งทำให้ยวดยานพาหนะนั้นๆ ไม่อยู่ในสภาพใช้งานได้ www.fema.gov 13 ข้อมูลเกี่ยวกับการประกันภัย และการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ หากท่านยังไม่ได้ติตต่อไปยังบริษัทประกันภัยที่ท่านถือกรมธรรม์อยู่ เพื่อเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน ความเสียหาย กรุณาทำการติดต่อไปยังบริษัทประกันภัยทันที หากท่านไม่ติดต่อไปยังบริษัทประกัน ภัยของท่าน ท่านอาจถูกตัดสิทธิจากการขอรับความช่วยเหลือจากโครงการ IHP และหากท่าน ประสบกับสถานการณ์ใดๆ ดังต่อไปนี้ หลังจากติดต่อไปยังบริษัทประกันภัยแล้ว กรุณาโทรแจ้ง หรือ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนองค์กรเพื่อการบริหารจัดการสถานการ์ณฉุกเฉินแห่งรัฐบาลเพื่อก ารให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย (FEMA Disaster Helpline) ที่หมายเลข 1-800-621-3362 (FEMA) • การบรรลุข้อตกลงกับบริษัทประกันภัยของท่านเป็นไปอย่างล่าช้า หากการบรรลุข้อตกลง กับบริษัทประกันภัยของท่านดำเนินไปอย่างล่าช้านานเกินกว่า 30 วันนับจากวันที่ท่าน ติดต่อไปเพื่อเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน ท่านต้องส่งจดหมายถึงสำนักงานฉุกเฉินกลาง (FEMA) เพื่ออธิบายสภาพการณ์ พร้อมแนบเอกสารจากบริษัทประกันเพื่อยืนยันการยื่นคำร้องเรียก ค่าสินไหมทดแทนของท่าน หากท่านยื่นคำร้องเรียกค่าสินไหมทดแทนผ่านทางโทรศัพท์ ท่านต้องระบุหมายเลขคำร้อง และวันที่ท่านยื่นคำร้อง ระยะเวลาโดยประมาณที่บริษัท ประกันภัยของท่านจะสามารถสรุปข้อตกลงในการให้สินไหมทดแทน ความช่วยเหลือใดๆ ที่สำนักงานฉุกเฉินกลาง (FEMA) มอบให้กับท่านนับเป็นการช่วยเหลือ หรือสำรองจ่ายล่วงหน้า ซึ่ง ท่านต้องชำระคืนให้กับสำนักงานฉุกเฉินกลาง (FEMA) ทันทีหลังจากท่านได้รับค่าสินไหมทดแทน จากบริษัทประกัน • ค่าสินไหมทดแทนที่ได้รับไม่เพียงพอต่อการฟื้นฟูบูรณะความเสียหายที่เกิดขึ้นจากภัย พิบัติ หากท่านได้รับค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัยเป็นจำนวนเงินสูงสุดแล้ว และ ยังไม่เพียงพอต่อการฟื้นฟูบูรณะความเสียหายที่เกิดจากภัยพิบัติ ท่านต้องส่งจดหมายถึง สำนักงานฉุกเฉินกลาง (FEMA)เพื่อแจ้งให้ทราบถึงความต้องการจำเป็นอื่นๆ อันเป็นผลสืบเนื่องมา จากภัยพิบัติที่ค่าสินไหมทดแทนไม่ครอบคลุม พร้อมแนบเอกสารที่ท่านได้รับจากบริษัท ประกันเพื่อใช้ในการอ้างอิง • ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเพื่อใช้ในการครองชีพ (Additional Living Expense - ALE) หรือ ALE ที่ได้ รับจากบริษัทประกันภัยไม่เพียงพอสำหรับการครองชีพ หากท่านได้รับค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม FEMA Disaster Helpline ที่หมายเลข 1-800-621-3362 (FEMA) (สำหรับผู้มีปัญหา ด้านการ ได้ยิน หรือด้าน การพูด สามารถ ติตต่อมาที่หมายเลข 1-800-462-7585) 14 เพื่อใช้ในการครองชีพจากบริษัทประกันภัยเป็นจำนวนเงินสูงสุดแล้ว (Additional Living Expenses - Loss of Use) แต่ยัง ต้องการความช่วยเหลือเพื่อที่พักอาศัยชั่วคราว อันเป็นผลจากภัยพิบัติ ท่านต้องยื่น จดหมายต่อสำนักงานฉุกเฉินกลาง (FEMA) แจ้งให้ทราบถึงสาเหตุที่ต้องการความช่วยเหลือด้าน ที่พักอาศัยชั่วคราว พร้อมแนบเอกสารอ้างอิงที่สามารถแสดงให้เห็นถึงการจ่ายค่าใช้จ่าย เพิ่มเติมเพื่อใช้ในการครองชีพจากบริษัทประกันภัยในจำนวนที่ไม่เพียงพอต่อการจัดหา ที่พักอาศัย และการจัดหาที่อยู่อาศัยแบบถาวร • ท่านไม่สามารถหาบ้านเช่าในบริเวณที่ท่านอาศัยอยู่ได้ สายด่วนสำนักงานฉุกเฉินกลาง (FEMA) เพื่อการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยมีรายชื่อบ้านในเขตภัยพิบัติที่สามารถเช่าอาศัยได้ ในกรณีที่ท่านไม่สามารถหาบ้านเช่าในเมืองของท่านได้ พนักงานประจำสายด่วนสำนักงาน ฉุกเฉินกลางเพื่อการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจะสามารถให้ข้อมูลบ้านเช่าพักในเมือง ใกล้เคียงแก่ท่าน ท่านต้องยื่นเอกสาร หลักฐานการประกันภัยของท่านต่อสำนักงานฉุกเฉินกลาง (FEMA) เพื่อใช้ในการอ้างอิง ประกอบการพิจารณาให้ความช่วยเหลือ ภายในระยะเวลา 12 เดือนนับจากวันที่ท่านยื่นคำร้องขอ ความช่วยเหลือจากสำนักงานฉุกเฉินกลาง (FEMA) อนึ่ง ด้วยอำนาจตามกฏหมาย โครงการ IHP ไม่ สามารถให้เงินช่วยเหลือต่อบุคคล หรือครอบครอบได้สำหรับความเสียหายที่ได้รับการคุ้มครองจาก บริษัทประกันภัย หากต้องการขออุทธรณ์ (Appeal) ท่านสามารถขออุทธรณ์ได้ การขออุทธรณ์อาจจะเกี่ยวเนื่องกับคุณสมบัติที่เหมาะสม ปริมาณหรือ ลักษณะในการให้ความช่วยเหลือแก่ท่าน การส่งใบสมัครล่าช้า คำขอให้ชำระเงินคืน หรือข้อสงสัยที่ เกี่ยวกับความต่อเนื่องของการให้ความช่วยเหลือ เมื่อท่านขออุทธรณ์ นั่นหมายถึงการยื่นคำร้องแก่ โครงการ IHP ให้ทบทวน และพิจารณากรณีของท่านอีกครั้ง ก่อนที่ท่านจะขออุทธรณ์ กรุณาอ่าน ทบทวนข้อมูล หลักเกณฑ์ คุณสมบัติที่ใช้ในการพิจารณาให้การช่วยเหลือประเภทต่างๆ ที่ระบุไว้ใน คู่มือฉบับนี้ หรือในจดหมายที่ตอบกลับถึงท่านอันระบุถึงคุณสมบัติที่เหมาะสมต่อการได้รับความ ช่วยเหลือ คู่มือนี้สามารถไขข้อข้องใจต่างๆ ของท่าน ที่เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่ทางโครงการครอบคลุม และให้การช่วยเหลือ www.fema.gov 15 หลังอ่านคู่มือฉบับนี้แล้ว หากท่านยังมีข้อสงสัยประการใดเกี่ยวกับการตัดสินใจของโครงการในการ ให้ความช่วยเหลือแก่ท่าน กรุณาปฏิบัติตามขึ้นตอนการยื่นขออุทธรณ์ดังต่อไปนี้ ขั้นตอนการยื่นขออุทธรณ์ 1. ระบุเหตุผลเป็นลายลักษณ์อักษร ที่ท่านไม่เห็นด้วยต่อข้อสรุปของโครงการในการให้ความช่วย เหลือแก่ท่าน ไม่ว่าจะเป็น จำนวนเงินช่วยเหลือ หรือประเภทของความช่วยเหลือที่ท่านได้รับ • กรุณาส่งจดหมายคำร้องขออุทธรณ์ พร้อมชื่อ และนามสกุล วันเกิด และสถานที่เกิด รวมถึงที่อยู่ของท่าน นอกเหนือจากนี้ ท่านต้องลงทะเบียนจดหมาย พร้อมแนบสำเนา บัตรประจำตัวของท่านที่ออกให้โดยรัฐที่ท่านอาศัยอยู่ หรือเขียนข้อความดังต่อไปนี้ลง บนจดหมาย “I hereby declare under penalty of perjury that the foregoing is true and correct” (ข้าพเจ้าขอรับรองว่าข้อความเบื้องต้นเป็นความจริงทุกประการ มิ เช่นนั้นข้าพเจ้ายินดีรับโทษจากการให้ความเท็จ) พร้อมลายเซ็นของท่านบนจดหมาย • หากท่านให้บุคคลอื่น นอกเหนือจากท่าน หรือผู้สมัครร่วม เป็นผู้เขียนจดหมายคำร้อง ขออุทธรณ์แทน ในกรณีนี้ต้องมีการระบุเพิ่มเติมในข้อความดังกล่าว ให้บุคคลผู้นี้ เป็น ผู้รับผิดชอบต่อการให้ข้อมูลที่ระบุในจดหมายคำร้องแทนท่าน 2. กรุณาใส่หมายเลขใบสมัคร FEMA และหมายเลขภัยพิบัติ (ซึ่งแสดงอยู่บนหัวจดหมายตอบกลับ จากทางโครงการ) ลงบนจดหมายคำร้องขออุทธรณ์ 3. กรุณาส่งจดหมายคำร้องขออุทธรณ์ของท่านมาที่ FEMA National Processing Service Center P.O. Box 1005 Hyattsville, MD 20782‐7055 4. ท่านสามารถส่งจดหมายคำร้องขออุทธรณ์ผ่านทางโทรสารมาที่ (800) 827‐8112 Attention: FEMA สิ่งสำคัญ : เพื่อการรับพิจารณาจากโครงการ IHP จดหมายคำร้องขออุทธรณ์ต้องได้รับการประทับ FEMA Disaster Helpline ที่หมายเลข 1-800-621-3362 (FEMA) (สำหรับผู้มีปัญหา ด้านการ ได้ยิน หรือด้าน การพูด สามารถ ติตต่อมาที่หมายเลข 1-800-462-7585) 16 ตราไปรษณีย์ภายใน 60 วัน นับจากวันที่ระบุบนจดหมายสรุปผลการให้ความช่วยเหลือจากโครงการ ที่ส่งถึงท่าน ฉนั้น ท่านต้องลงวันที่บนจดหมายคำร้องขออุทธรณ์ของท่านด้วย การขอข้อมูลของท่านจากทางโครงการ หากท่านต้องการข้อมูลเกี่ยวกับกรณีของท่าน ท่าน หรือผุ้สมัครร่วมจะต้องส่งคำร้องขอสำเนาข้อมูล ของท่าน โดยส่งคำร้องมาที่ FEMA ‐ Records Management National Processing Service Center P.O. Box 10055 Hyattsville, MD 20782‐7055 เพื่อคุ้มครอง และรักษาความลับของข้อมูลส่วนตัวของท่าน ท่านต้องระบุชื่อ และนามสกุล วันและ สถานที่เกิดของท่าน ที่อยู่ที่ได้รับความเสียหาย หมายเลขใบสมัคร FEMA และหมายเลขของภัย พิบัติ ลงบนคำร้องขออุทธรณ์ที่ส่งมาถึงสำนักงานฉุกเฉินกลาง (FEMA) ท่านต้องลงทะเบียนจดหมาย พร้อม แนบสำเนาบัตรประจำตัวของท่านที่ออกให้โดยรัฐที่ท่านอาศัยอยู่ หรือเขียนข้อความดังต่อไปนี้ลง บนจดหมาย “I hereby declare under penalty of perjury that the foregoing is true and correct” (ข้าพเจ้าขอรับรองว่าข้อความเบื้องต้นเป็นความจริงทุกประการ มิเช่นนั้นข้าพเจ้ายินดีรับ โทษจากการให้ความเท็จ) พร้อมลายเซ็นของท่านบนจดหมาย หากท่านให้บุคคลอื่น นอกเหนือจากท่าน หรือผู้สมัครร่วม เป็นผู้เขียนจดหมายคำร้องขออุทธรณ์ แทน ในกรณีนี้ต้องมีการระบุเพิ่มเติมในข้อความดังกล่าว ให้บุคคลผู้นี้ เป็นผู้รับผิดชอบต่อการให้ ข้อมูลที่ระบุในจดหมายคำร้องแทนท่าน www.fema.gov 17 การก่อสร้างใหม่ และการซ่อมแซม มาตรการบรรเทาความเสียหาย (Mitigation Measures) มาตรการบรรเทาความเสียหาย (Mitigation Measures) คือการปรับปรุงอาคารเพื่อลดอัตรา ความเสี่ยงของการเกิดความเสียหายในอนาคต หลังจากภัยพิบัติ ท่านสามารถมีหลากทางเลือกใน การตัดสินใจไม่ว่าจะเป็นการสร้างบ้านพักอาศัยขึ้นใหม่ หรือซ่อมแซมส่วนที่เสียหาย การตัดสินใจนี้ จะช่วยป้องกันทรัพย์สิน อาคารบ้านเรือนของท่านจากความเสียหายหากเกิดภัยพิบัติครั้งต่อไป ตัวอย่าง เช่น หากอุปกรณ์ หรือเครื่องสาธารณูปโภคที่สำคัญได้ถูกจัดวางยกขึ้นสูงจากพื้น ซึ่งหาก เกิดน้ำท่วม ความเป็นไปได้ของการเกิดความเสียหายต่ออุปกรณ์ หรือเครื่องสาธารณูปโภคต่างๆ ก็ จะมีน้อยลง พนักงาน ให้คำแนะนำมาตรการบรรเทาความเสียหายของ FEMA ที่ประจำอยู่ ณ ศูนย์บรรเทาและฟื้นฟูผู้ประสบภัย (Disaster Recovery Center) ในเมืองของท่าน จะให้ข้อมูลเพิ่ม เติมเกี่ยวกับการบรรเทาความสูญเสียอันอาจเกิดขึ้นในอนาคตตามมาตรการบรรเทาความเสียหาย รายละเอียดดังต่อไปน ี้คือตัวอย่างมาตรการบรรเทาความเสียหาย • ขนย้ายแผงอิเล็กทรอนิกส์ • ขนย้ายเครื่องซักผ้า หรือเครื่องอบผ้า • ยึดถังน้ำมันเชื้อเพลิงไว้กับพื้นอย่างแน่นหนา และมั่นคง • ปรับพื้น และยึดบ้านเคลื่อนที่ ไว้กับพื้นอย่างแน่นหนา และมั่นคง • ขนย้ายสาย และท่อทำน้ำร้อน • ขนย้ายเครื่องทำความร้อน FEMA Disaster Helpline ที่หมายเลข 1-800-621-3362 (FEMA) (สำหรับผู้มีปัญหา ด้านการ ได้ยิน หรือด้าน การพูด สามารถ ติตต่อมาที่หมายเลข 1-800-462-7585) 18 การขนย้ายเครื่องทำน้ำร้อน เตาไฟฟ้า เครื่องซักผ้า และเครื่องอบผ้า สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการตามมาตรการบรรเทาความเสียหาย และป้องกันการเกิดภัย ซ้ำซ้อน กรุณาโทรติดต่อ หรือไปยังกรมการวางแผนจัดการเหตุฉุกเฉิน (emergency management planning official) ใกล้บ้านท่าน หรือพนักงานกรมการบรรเทา และเลี่ยงภัยอันตรายแห่งรัฐ (State Hazard Mitigation Officer) หรือ พนักงานประจำสำนักงานฉุกเฉินกลางที่ศูนย์บรรเทาและฟื้นฟูผู้ ประสบภัย นอกจากนี้ยังสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.fema.gov. ติดต่อขอรับหนังสือเกี่ยวกับโครงการตามมาตรการบรรเทาความเสียหาย และป้องกันการเกิดภัย ซ้ำซ้อน ได้ที่ศูนย์หนังสือของสำนักงานฉุกเฉินกลาง (FEMA Publications) หมายเลขโทรศัพท์ 1-800-480-2520 ข้อมูลเกี่ยวกับการให้ข้อมูลเกี่ยวกับโครงการเพื่อให้ความช่วย เหลือเพิ่มเติมแก่ผู้ประสบภัย ในหัวข้อนี้ได้รวบรวมข้อมูลโดยทั่วไปของการให้ความช่วยเหลือประเภทต่างๆ ที่สามารถขอรับได้ หลังจากที่ประธานาธิบดีได้ประกาศเขตภัยพิบัติขึ้น หากท่านมีความต้องการจำเป็นอันสืบเนื่องมา จากภัยพิบัติ และทางองค์กรให้ความช่วยเหลือที่ระบุไว้ในคู่มือนี้สามารถให้ความช่วยเหลือใดๆ แก่ ท่านระหว่างเกิดภัยพิบัติได้ ท่านสามารถติดต่อมายัง สายด่วนสำนักงานฉุกเฉินกลางเพื่อการให้ ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย (FEMA Disaster Helpline) ที่หมายเลข 1-800-621-3362 (FEMA) (สำหรับผู้มีปัญหาด้านการได้ยิน หรือด้านการพูด สามารถติตต่อมาที่หมายเลข 1800-462-7585) บริการสำหรับผู้สูงอายุ (Aging Service): ผู้สูงอายุที่ได้รับผลกระทบจากการประกาศเขตภัยพิบัติ (อาทิ การคมนาคมขนส่ง อาหาร บ้านพักคนชรา) สามารถขอรับบริการนี้ได้ www.fema.gov 19 ความช่วยเหลือเพื่อการกสิกรรม และเกษตรกรรม (Agricultural Aid): กระทรวงการเกษตรแห่ง สหรัฐอเมริกา (USDA Rural Development) อาจตั้งกองทุนกู้ยืมในภาวะฉุกเฉินสำหรับเกษตรกร และผู้ประกอบฟาร์มปศุสัตว์ (เจ้าของ หรือผู้อาศัย) ซึ่งได้ประกอบอาชีพ และบริหารเรือก สวน ไร่นา หรือฟาร์มปศุสัตว์ในเวลาที่เกิดภัยพิบัติ กองทุนกู้ยืมนี้สามารถให้เงินกู้ยืมได้เฉพาะใช้ ชดเชยค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงกับทรัพย์สินที่มีความสำคัญ และ หรือ มีผลต่อความสามารถใน การผลิต ทั้งนี้ เกษตรกร และผู้ประกอบฟาร์มปศุสัตว์อาจสมัครเข้าร่วมโครงการค่าใช้จ่ายสมทบ (cost sharing) ที่รัฐบาลจัดสรรให้สำหรับใช้ในโครงการช่วยเหลือยามฉุกเฉิน อาทิ เพื่อการกำจัด ซากสลักหักพังของ ทุ่งนา ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ การซ่อมแซมอสังหาริมทรัพย์ ระบบโครงสร้างการกัก เก็บน้ำ และการกั้นรั้ว สามารถติดต่อขอทราบรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองการเกษตรแห่ง สหรัฐอเมริกา (USDA Farm Service Agency - FSA). ความช่วยเหลือจากสถาบันการเงิน (Assistance From Financial Institutions): ธนาคารที่เป็นสมาชิก ของสถาบัน คุ้มครองเงินฝากแห่งชาติ (Federal Deposit Insurance Corporation - FDIC) และ ระบบเงินสำรอง ของรัฐบาล กลาง (Federal Reserve System - FRS) รวมถึงคณกรรมการธนาคาร เพื่อการ กู้ยืมเพื่อที่อยู่อาศัยแห่งชาติ (Federal Home Loan Bank Board - FHLBB) อาจสามารถให้ท่านถอนเงิน ฝากก่อนกำหนด โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้นกรุณาติดต่อธนาคารของท่านเพื่อตรวจสอบสิทธิการยกเว้นค่าธรรมเนียมดังกล่าว ตามที่สถาบันการเงินเบื้อง ต้นได้ทำการการยกเว้นไว้ โครงการกองทุนกู้ยืมสำหรับผู้ประกอบธุรกิจ (Business Loan Program): กองทุนกู้ยืมนี้เป็นกองทุนเพื่อช่วยเหลือผู้ ประสบภัยพิบัติผ่านการดำเนินงานของหน่วยงานสนับสนุนผู้ประกอบการค้า และธุรกิจขนาดย่อม (Small Business Administration - SBA) ผู้ประกอบธุรกิจสามารถขอรับเงินกู้ยืมนี้เพื่อใช้ในการซ่อมแซม หรือสร้างทดแทนสิ่งอำนวย ความสะดวกสำหรับการประกอบธุรกิจสินค้าคงคลัง เครื่องจักร หรืออุปกรณ์การทำงาน ต่างๆ ที่ได้รับความเสียหาย จากภัยพิบัติ จำนวนเงินที่สามารถเงินกู้ยืมได้สูงสุดคือ $1,500,000 เหรียญสหรัฐ และ หากท่านได้รับให้เข้าร่วมโครง การนี้ทางโครงการจะส่งชุดใบสมัครทางไปรษณีย์ให้กับท่าน สำหรับข้อมูล เพิ่มเติม หรือขอความช่วยเหลือในการ กรอกใบสมัคร ท่านสามารถดูข้อมูลอ้างอิงได้จากใบสมัคร SBA หรือ ที่เวบไซต์ www.sba.gov. บริการสำหรับผู้บริโภค (Consumer Service): ผู้บริโภคสามารถขอรับคำแนะนำเกี่ยวกับข้อข้องใจหรือปัญหา การ บริโภค อาทิ ผลิตภัณฑ์ที่ขาดตลาด และบริการต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับการรื้อถอนก่อสร้าง การ ค่ากำไรเกินควร และ การขาดจรรยาบรรณในการประกอบธุรกิจ เป็นต้น. FEMA Disaster Helpline ที่หมายเลข 1-800-621-3362 (FEMA) (สำหรับผู้มีปัญหา ด้านการ ได้ยิน หรือด้าน การพูด สามารถ ติตต่อมาที่หมายเลข 1-800-462-7585) 20 การให้คำแนะนำในภาวะวิกฤต (Crisis Counseling): เป็นการให้คำปรึกษาเบื้องต้น หรือให้คำ แนะนำเกี่ยวกับบริการต่างๆ ที่ผู้ประสบภัยสามารถขอรับบริการได้ เช่น ปรึกษาปัญหาด้านสภาพ จิตใจไม่ปรกติ ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากภัยพิบัติ การช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่อยู่ในสภาวะว่างงาน (Disaster Unemployment Assistance): ผู้ ประสบภัยที่ต้องออกจากการทำงานเนื่องจากผลแห่งภัยพิบัติ หรือผู้ที่ทำงานด้วยตนเอง รวมถึง เจ้าของเรือกสวน ไร่นา หรือฟาร์มปศุสัตว์ ตลอดจนบุคคลใดๆ ก็ตามที่ไม่ได้รับการคุ้มครองในแผน ประกันสังคม (unemployment insurance program) สามารถขอรับสวัสดิการการให้ความช่วย เหลือประเภทรายสัปดาห์ นี้ได้ ความช่วยเหลือฉุกเฉิน (Emergency Assistance): ผู้ประสบภัยทุกคนที่มีความต้องการด้าน อาหาร เสื้อผ้าเครื่องนุ่ง ห่ม สถานที่พัก และยารักษาโรค จะได้รับความช่วยเหลือจาก สภากาชาติแห่งสหรัฐอเมริกา (American Red Cross - ARC) และสมาคมทหารผ่านศึก (Salvation Army) ตลอดจนกลุ่มผู้เข้าโบสถ์ และองค์กรอาสาสมัครต่างๆ การให้คำปรึกษาด้านการเงิน (Financial Counseling): ผู้ประสบภัยทั้งรายบุคคล หรือเป็นผู้ประกอบธุรกิจ ขนาด ย่อมสามารถขอรับคำแนะนำ และความช่วยเหลือด้านการเงิน และเศรษฐกิจได้ที่ (Hope Coalition America)โดยไม่เสียค่าบริการขอคำปรึกษาใดๆ ทั้งสิ้น นอกเหนือจากนี้ยังมอบเอกสารอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ อาทิ คู่มือการจัดสรรระบบการเงินในสภาวะฉุกเฉิน หรือ (Emergency Financial First Aid Kit) และ คู่มือการ เตรียมความพร้อมเมื่อเกิดภัยพิบัติ หรือ (Personal Disaster Preparedness Guide) คู่มือดังกล่าวนี้สามารถ ดาว์โหลดได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย จากเวบไซต์ www.operationhope.org. หรือสามารถติดต่อขอข้อมูลเพิ่ม เติมได้ที่หมายเลข 1-888-388-4673 (HOPE) มาตรการบรรเทาความเสียหาย และป้องกันการเกิดภัยซ้ำซ้อน (Hazard Mitigation): ท่านอาจได้รับเงินช่วย เหลือเพื่อการขนย้ายอุปกรณ์อำนวยความสะดวก และสาธารณูปโภคต่างๆ ของท่านออกจากที่พักอาศัย ทั้งนี้ เพื่อป้องกันความสูญเสียเพิ่มเติมที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตกับ อุปกรณ์อำนวยความสะดวก และสาธารณูปโภคต่างๆ (อาทิ เตาไฟฟ้า เครื่องทำน้ำร้อน และอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด) โครงการกองทุนเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย และอาคารสงเคราะห์ (Home and Personal Property Loan Program): ผู้ประสบภัยที่เป็นเจ้าของบ้าน หรือผู้เช่าบ้าน สามารถขอกู้ยืมงินจากกองทุนเพื่อการกู้ยืมสำหรับผู้ประสบภัย ได้ ผ่านหน่วยงานสนับสนุนผู้ประกอบการค้า และธุรกิจขนาดย่อม (Small Business Administration, SBA) www.fema.gov 21 เพื่อใช้สำหรับการซ่อมแซม หรือสร้างทดแทน อสังหาริมทรัพย์ และทรัพย์สินที่ได้รับความเสียหายจากภัยพิ บัติ จำนวนเงินที่สามารถกู้ยืมได้สูงสุดสำหรับค่าใช้จ่ายเพื่อซ่อมแซม หรือสร้างทดแทน อสังหาริมทรัพย์ คือ 200,000 เหรียญสหรัฐ และจำนวน 40,000 เหรียญสหรัฐ สำหรับการใช้เพื่อซ่อมแซม หรือสร้างทดแทน ทรัพย์สินต่างๆ จำนวนเงินที่สามารถกู้ได้ นี้ถูกจำกัดโดยจำนวนเงินที่ SBA สามารถรองรับความเสี่ยงหาก ไม่มีการใช้เงินคืนได้ หากท่านได้รับเชิญเข้าร่วมโครงการนี้ ท่านจะได้รับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับความช่วย เหลือเบื้องต้นในส่วน “Application Summary” ซึ่งจะอยู่ด้านหลังของใบสมัครขอรับความช่วยเหลือจาก ภัยพิบัติ ข้อมูลเกี่ยวกับการประกันภัย (Insurance Information): การช่วยเหลือ และ หรือการให้คำปรึกษา แนะนำเกี่ยวกับข้อสงสัย หรือคำถามต่างๆ เรื่องการประกันภัย ซึ่งอาจรวมถึงการขอรับสำเนา นโยบายด้านความสูญเสีย การขอรับชดเชยสินไหมทดแทน การเร่งรัดเพื่อสรุปข้อตกลง และอื่นๆ หากท่านยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับบริษัทประกันภัยของท่านได้ ท่านสามารถติตต่อไป ยังกรรมาธิการการประกันภัยแห่งรัฐ (State Insurance Commissioner) สำหรับการขอข้อมูลเกี่ยว กับการประกันภัยน้ำท่วม กรุณาติดต่อ โครงการการประกับภัยน้ำท่วมแห่งชาติ (National Flood Insurance Program) หรือ NFIP ความช่วยเหลือด้านกฎหมาย (Legal Service): ผู้ประสบภัยสามารถขอรับคำปรึกษา คำแนะนำทาง กฎหมายโดยไม่เสียค่าบริการ หรือเสียค่าบริการเพียงเล็กน้อย และสำหรับผู้ประสบภัยที่มีรายได้ต่ำ กว่ามาตรฐาน และตกเป็นเหยื่อแห่งภัยพิบัตินั้น อาจสามารถขอรับบริการทนายความ โดยการแต่ง ตั้งบุคคลหนึ่งให้เป็นตัวแทนตนในการว่าความได้ ประกันสังคม (Social Security): กองประกันสังคม (Social Security Administration - SSA) ให้ความ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยการเร่งรัดกระบวนการที่ล่าช้าในการส่งเช็คอันเนื่องมาจากภัยพิบัติ และให้ความช่วยเหลือในการสมัครรับสวัสดิการประกันสังคมสำหรับผู้พิการ และผู้รอดชีวิต ความช่วยเหลือด้านการจ่ายภาษีรัฐบาลกลาง (Federal Tax Assistance): กฎหมายภาษีสหพันฐรัฐกำหนดให้หน่วย งานจัดเก็บภาษีของสหรัฐ (Internal Revenue Service - IRS) ให้ความช่วยเหลือ และผ่อนปรนกับผู้ชำระภาษีที่เป็น ผู้ประสบภัย และอาศัยอยู่ในพื้นที่ ที่ประธานาธิบดีได้ ประกาศให้เป็นเขตภัยพิบัติ การผ่อนปรนนี้รวมไปถึงการเลื่อน เวลาจ่ายภาษีออกไป โดยไม่มีค่าธรรมเนียม ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมใดๆ หรือค่าใช้จ่ายที่นอกเหนือไปจากภาษี หรือ ลดหย่อนดอกเบี้ยระหว่างเวลาที่อนุมัติให้สามารถเลื่อนการจ่ายภาษีออกไป หรือเลื่อนการยื่นคำร้องขอคืนส่วนต่าง FEMA Disaster Helpline ที่หมายเลข 1-800-621-3362 (FEMA) (สำหรับผู้มีปัญหา ด้านการ ได้ยิน หรือด้าน การพูด สามารถ ติตต่อมาที่หมายเลข 1-800-462-7585) 22 ของภาษี ทั้งนี้เนื่องจากท่านอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ประธานาธิบดีประกาศให้เป็นเขตภัยพิบัติ. โดยทั่วไป แล้ว เงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่สั่งจ่ายออกไปแล้วนั้นไม่จำเป็นต้องรวมอยู่ในรายได้ทั้งหมดหลังหักภาษี และเงินช่วยเหลือดังกล่าวจะต้องถูกจัดให้เป็นรายได้ที่ได้มาเพื่อการชำระค่าใช้จ่ายส่วนตัวที่จำเป็น ค่าใช้จ่ายในครอบ ครัว ค่าใช้จ่ายเพื่อการครองชีพ หรือค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพ ซึ่งเป็นผลจากการประกาศโดย ประธานาธิบดีให้ พื้นที่นั้นเป็นเขตภัยพิบัติ หน่วยงานจัดเก็บภาษี (IRS) ของสหรัฐอาจอนุญาติมีการลดหย่อนภาษีในกรณี ที่เกิดความเสีย หายใดๆ กับบ้าน ทรัพย์สิน และ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกในบ้าน หากสิ่งเหล่านั้นไม่ได้รับความคุ้มครอง จากการประกันภัย ผู้ เสียภาษีอาจต้องยื่นคำร้องเพื่อแจ้งถึงเหตุแห่งการ ขอลดหย่อนภาษีเพื่อขอรับส่วนต่าง ของการชำระภาษีคืนภายในเวลาอันรวดเร็ว หากท่านต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติม ใบสมัคร และหนังสือที่ เกี่ยวข้องต่างๆ ท่านสามารถเข้าชมเว ็บไซต์ของ IRS ที่ http://www.irs.gov/newsroom/article/0,,id=108362,00.html. ความช่วยเหลืออื่นๆ ด้านภาษี (Other Tax Assistance): ผู้ประเมินการจัดเก็บภาษีประจำเมือง ต่างๆ สามารถให้ข้อมูล และความช่วยเหลือในเรื่องการการลดหย่อนภาษีโรงเรือนแก่ท่านได้ ความช่วยเหลืออื่นๆ ทหารผ่านศึก (Veteran’s Benefits): สมาคมทหารผ่านศึก (The Veterans Administration - VA) จะสามารถช่วยเหลือในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับ ผลประโยชน์ บำนาญ ข้อ ตกลงในการชดเชยสินไหมทดแทน และกองทุนกู้ยืมเพื่อที่อยู่อาศัย www.fema.gov 23 คำถาม-คำตอบที่พบบ่อยๆ 1. เงินสงเคราะห์กรณีเกิดภัยพิบัติ : องค์กรเพื่อการบริหารจัดการสถานการ์ณฉุกเฉินแห่งรัฐบาลกลาง (Federal Emergency Management Agency - FEMA) FEMA คืออะไร FEMA คือสำนักงานจัดการเหตุฉุกเฉินกลาง ซึ่งรับผิดชอบจัดหาและประ สาน งาน กิจการในเขตที่เกิดเหตุฉุกเฉินตามที่ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐฯ ประกาศโดย FEMA จะทำงานร่วมกับหน่วยงานของรัฐบาลกลาง องค์กรรัฐ องค์กรท้องถิ่น และ องค์กร อิสระต่างๆ เมื่อเกิดภัยพิบัติขึ้น มีความช่วยเหลือประเภทใดบ้าง โครงการการช่วยเหลือจาก รัฐบาลกลางเมื่อเกิดภัยพิบัติมี 2 ประเภทคือ • โครงการช่วยเหลือรายบุคคลและรายครอบครัวของ FEMA (FEMA’s Individuals and Households Program) ซึ่งจัดหาเงินสงเคราะห์และ การช่วยเหลือทางตรงต่อผู้ที่ประสบทุกภิขภัยครั้งใหญ่โดยผู้ขอรับความ ช่วยเหลือต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ • โครงการช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็ก (U.S. Small Business Administration) จัดหาเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำสำหรับความเสียหายต่อสถานที่ ที่มี เจ้าของ ผู้เช่าธุรกิจและองค์กรไม่แสวงหากำไรที่ไม่ได้รับการชดเชย เต็ม จำนวนจากประกัน ผู้รับเงินสงเคราะห์ต้องจ่ายเงินคืนหรือไม่ เงินสงเคราะห์ที่ได้จากโครงการช่วยเหลือรายบุคคลและครอบครัวของ FEMAไม่จำเป็น ต้องชดใช้คืน และเงินกู้จากโครงการธุรกิจขนาดเล็ก ต้องชดใช้คืน ข้าพเจ้าขอรับความช่วยเหลือในกรณีที่รถยนต์ได้รับความเสียหายได้หรือไม่ ได้ เพียงแสดงหลักฐานความเป็นเจ้าของและข้อมูลด้านประกัน FEMA Disaster Helpline ที่หมายเลข 1-800-621-3362 (FEMA) (สำหรับผู้มีปัญหา ด้านการ ได้ยิน หรือด้าน การพูด สามารถ ติตต่อมาที่หมายเลข 1-800-462-7585) 24 ข้าพเจ้าขอรับความช่วยเหลือด้านอาหารที่สูญหายระหว่างเกิดภัยพิบัติได้หรือไม่ ไม่ได้ IHP ไม่ช่วยเหลือด้านการสูญเสียอาหาร องค์กรการกุศลต่างๆ ในเขตที่เกิดภัยพิบัติอาจช่วยบรร เทาความ จำเป็นด้านอาหารได้ มีโครงการอะไรบ้างที่ช่วยจ่ายค่าขนย้ายและค่าเช่าสถานที่เก็บของ IHP อาจช่วยค่าขนย้ายและค่าเช่าสถานที่เก็บของ หากค่าใช้จ่ายนั้นเกี่ยวข้องโดยตรงกับภัยพิบัติ กรุณาแนบใบเสร็จเพื่อขอทราบว่าจะได้รับการจ่ายคืนหรือไม่ จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อขอรับความช่วยเหลือจาก FEMA ภายในเวลา 10 วันที่ท่านได้ยื่นใบสมัครกับ FEMA หากท่านไม่มีประกัน หรือไม่มีประกันที่จ่ายค่าชดเชยอย่างเหมาะสม ผู้สำรวจความเสียหายจาก FEMA จะติดต่อท่านเพื่อนัดหมายวันเวลาประเมินบ้านและที่ดินที่ได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติ ผู้สำรวจจะบันทึกความเสียหายนั้นไว้และส่งข้อมูลต่อไปยัง IHP จากนั้นภายในเวลาอีก 10 วัน ท่านจะทราบผลการพิจารณาว่าจาก IHP ว่าท่านจะได้รับความช่วยเหลือจาก IHP หรือไม่ และ หากท่านได้รับการประเมินให้สามารถกู้เงินจากโครงการช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็ก (U.S. Small Business Administration, SBA) , SBA ทางนั้นจะติดต่อและนัดหมายวันเวลากับท่าน เพื่อ ประเมินมูลค่าสินทรัพย์ที่เสียหาย. จะใช้เวลานานเท่าไหร่กว่า FEMA จะให้ความช่วยเหลือ ถ้าท่านได้รับการอนุมัติ ท่านจะได้ รับเช็ค จากรัฐหรือว่าจดหมายแจ้งว่ามีเงินโอนเข้าบัญชีภายใน 10 วันหลังจากวันที่ผู้ ตรวจ สอบมาดูพื้นที่ที่เสียหายของท่าน ความช่วยเหลือด้านอื่นๆ อาจจะมาทีหลัง หากข้าพเจ้ามีคำถามเกี่ยวกับคำร้องทียื่นให้ FEMA หรือว่าต้องการเปลี่ยนแปลงข้อมูล ข้าพเจ้าควรทำอย่างไร โทรไปที่ สายด่วน FEMA Disaster Helpline ที่ 1-800-621-3362 (FEMA) (สำหรับผู้ที่มีปัญหาการฟังหรือการพูดเท่านั้น: 1-800-462-7585) หรือเข้าเวปได้ที่ www.fema.gov ถ้าผ่านไปแล้ว 12 วันและยังไม่ได้นับคำตอบจากผู้ตรวจสอบของ FEMA ข้าพเจ้า ควรทำอย่างไร โทรหา FEMA Disaster Helpline ที่ 1-800-621-3362 (FEMA) (สำหรับผู้ที่มีปัญหาการฟังหรือการพูดเท่านั้น: 1-800-462-7585) หรือเข้าเวปได้ที่ www.fema.gov 25 www.fema.gov เพื่อตรวจสอบสถานภาพของคำร้องของท่าน ถ้ามี (Disaster Recovery Center - DRC) ในพื่นที่ของท่าน ท่านก็สามารถตรวจสอบคำร้องได้ที่นั่น หากข้าพเจ้าไม่เห็นด้วยกับผลที่ได้จากการตรวจสอบหรือจำนวนเงินที่ได้รับจาก FEMA ข้าพเจ้าควรทำอย่างไร ท่านสามารถขออุทธรณ์คำร้องได้ ขั้นตอนในการยื่นอุทธรณ์อยู่ใน หนังสือเล่มนี้ (หน้า 14) หรือท่านสามารถโทรไปที่ FEMA Disaster Helpline ที่ 1-800-621-FEMA (3362) (สำหรับผู้ที่มีปัญหาการฟังหรือการพูดเท่านั้น: 1-800-462-7585) เพื่อสอบ ถามข้อมูลในการยื่นอุทธรณ์ เอกสารชนิดไหนที่ใช้แสดงความเป็นเจ้าของ ที่ใช้ในการยื่นคำร้อง เอกสารต่อไปนี้เป็นเอกสารที่ใช้แสดงความเป็นเจ้าของ: • โฉนดหรือบันทึกของรัฐ ใช้โฉนดของจริงหรือบันทึกของรัฐที่ระบุว่าท่านเป็นเจ้าของอย่างถูก ต้องตามกฎหมาย • หมายเลขกำกับ ซึ่งจะถูกบันทึกไว้ในสัญญาของท่านหรือหมายเลขกำกับในการซื้อ บ้าน • หนังสือการจ่ายค่าจำนองบ้าน หรือเอกสารการจำนองบ้านอื่นๆ (เช่น เอกสารการจ่ายล่าช้า เอกสารการแจ้งการยึดทรัพย์) อาจใช้เพื่อเป็นการพิสูจน์การเป็นเจ้าของเมื่อชื่อของท่านอยู่กับที่พักอา ศัยที่โดนภัยพิบัติ • ใบประกันที่ดิน ต้องเป็นฉบับที่มีชื่อของท่านตรงกับที่ดินที่ถูกทำลาย • ใบเสร็จภาษีหรือใบเสร็จภาษีโรงเรือน ที่แสดงให้เห็นว่าที่พักอาศัยที่โดนทำลายอยู่ในชื่อของท่าน เอกสารชนิดไหนที่ใช้แสดงการพักอาศัย ที่ใช้ในการยื่นคำร้อง เอกสารต่อไปนี้ เป็นเอกสารที่ใช้แสดงความเป็นเจ้าของ : FEMA Disaster Helpline ที่หมายเลข 1-800-621-3362 (FEMA) (สำหรับผู้มีปัญหา ด้านการ ได้ยิน หรือด้าน การพูด สามารถ ติตต่อมาที่หมายเลข 1-800-462-7585) 26 • ใบเสร็จค่าสาธารณูปโภค สำหรับที่พักอาศัยที่โดนทำลายที่มีชื่อของท่านอยู่ (หรือชื่อของผู้ที่ยื่นคำร้อง) ใบเสร็จนี้ควรเป็นใบเสร็จที่แสดงค่าใช้จ่ายหลักๆ เช่น ค่าไฟ ค่าแก๊ส หรือค่าน้ำ • ใบแจ้ง ที่ถูกส่งมาที่พักอาศัยที่โดนทำลายที่มีชื่อของท่าน (หรือชื่อของผู้ที่ยื่นคำร้อง) ใบแจ้งเหล่านี้ได้แก่ ใบแจ้งยอดบัตรเครดิต ใบแจ้งการนำส่งของ หรือจดหมายจ่าหน้าถึงท่าน ณ ที่พักอาศัยแห่งนี้ • ใบจ้างงาน ที่ถูกส่งมาที่พักอาศัยที่มีชื่อของท่าน (หรือชื่อของผู้ที่ยื่นคำร้อง) ใบจ้างงานจะแจ้งเกี่ยวกับรายได้หรือว่าเอกสารอื่นๆ ที่ส่งมาจากนายจ้างส่งมาที่อยู่นี้ • ใบขับขี่หรือใบประจำตัวประชาชน ที่มีที่อยู่ของที่พักอาศัยที่โดนทำลายนี้ ข้าพเจ้าสามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับการประกันน้ำท่วมได้ที่ไหน โทรไปที่สำนักประกันในเมืองหรือโทรไปที่ National Flood Insurance Program ที่ 1-800-427-4661 ข้าพเจ้าควรทำความสะอาดบ้านก่อนที่จะมีการตรวจสอบหรือไม่ ท่านสามารถทำความสะอาดบ้านได้ ถ้าเป็นไปได้ควรจะถ่ายรูปสิ่งที่เสียหายก่อน การทำความสะอาด ข้าพเจ้าควรเกับใบเสร็จค่าต่างๆ ไม่ ใช่ ท่านควรเกับใบเสร็จค่าต่างๆไว้ www.fema.gov 27 2. เงินกู้เมื่อเกิดภัยพิบัติ : โครงการช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็ก (U.S. Small Business Administration ‐ SBA) ทำไมข้าพเจ้าจึงได้รับใบสมัครการกู้เงินเมื่อเกิดภัยพิบัติจาก SBA หลังจากสมัครกับ FEMA SBA เป็นแหล่งเงินหลักของรัฐบาลกลางสำหรับการช่วยเหลือผู้ประสบเคราะห์กรรมจากภัยพิบัติระยะยาว สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อบ้านและที่ดินที่มีเจ้าของ ผู้เช่า ธุรกิจที่ไม่เกี่ยวกับธุรกิจการผลิตทาง การเกษตรทุกขนาด ซึ่งประกันไม่รับชดเชยเต็มจำนวน การช่วย เหลือพื้นฐานจากรัฐบาลกลางจึง เป็น ไปในรูปของเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำจาก SBA การให้กู้เงินในอัตราดอก เบี้ยที่ต่ำ เงินกู้จาก SBA สามารถ ช่วยผู้ประสบเคราะห์ซ่อม แซมความเสียหายด้วยตนเอง ขณะเดียวกันก็แบ่งเบาภาระของผู้เสีย ภาษี ข้าพเจ้าจะสามารถขอรับความช่วยเหลือด้านการกรอกใบสมัครของ SBA ได้จากที่ไหน SBA มีเจ้าหน้าที่สินเชื่อคอยให้บริการอยู่ที่สำนักงานบรรเทาภัยพิบัติท้องถิ่นของ SBA เพื่อให้คำปรึกษาเป็นส่วนตัว ต่อผู้ประสบเคราะห์กรรม ท่านสามารถแวะไปที่ที่ทำการ SBA ได้ทุกที่ โดยไม่จำเป็นต้องนัดหมายล่วงหน้า ตัวแทนของ SBA ยินดีตอบคำถามและช่วยท่านกรอกใบสมัคร หากต้องการทราบว่า SBA มีที่ทำการอยู่ที่ไหน กรุณาโทรติดต่อหมายเลขโทรฯฟรีของ SBA ที่ 1- 800-488-5323 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย. หากข้าพเจ้าได้รับเช็คจาก FEMA แล้ว แต่มีจำนวนไม่มากพอที่จะชำระค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม ทั้งหมด ข้าพเจ้าจะขอรับการช่วยเหลือเพิ่มเติมได้หรือไม่ ได้ เงินกู้จาก SBA มีไว้เพื่อช่วยค่าใช้จ่าย ที่ไม่ได้รับการชดใช้เต็มจำนวน กรุณากรอกใบสมัครกับ SBA หากต้องการเงินซ่อมแซมเพิ่ม ข้าพเจ้าคิดว่าสามารถชำระเงินค่าซ่อมแซมด้วยตนเองได้ หากเป็นเช่นนั้น ข้าพเจ้าสมควรสมัครขอ รับเงินกู้หรือ ไม่ ท่านอาจพบว่าค่าซ่อมแซมมีจำนวนมากกว่าที่วางแผนไว้ หากท่านรับอนุมัติเงินกู้จาก SBA ท่านจะสามารถดำเนินการซ่อมแซมจนเสร็จสิ้นได้ ถึงไม่มีใครต้องการเป็นหนี้ แต่เงินกู้ดอกเบี้ย ต่ำย่อมเป็นทางออกที่ดีกว่าการซ่อมแซมไม่เสร็จ จะเกิดอะไรขึ้นหากข้าพเจ้าไม่ได้รับอนุมัติให้กู้เงินเพื่อซ่อมแซมบ้านและที่ดิน หาก SBA ตัดสินใจ ไม่อนุมัติให้ท่านกู้เงิน ทาง SBA จะส่งเรื่องกลับไปที่ FEMA เพื่อขอเพิ่มยอดเงินช่วยเหลือ FEMA อาจสามารถจัดหาเงินสงเคราะห์ในส่วนอื่นๆ ที่นอกเหนือไปจากเงินช่วยค่าบ้าน แต่การช่วยเหลือ เพิ่มเติมนี้ไม่ครอบคลุมธุรกิจ การช่วยเหลือเพิ่มเติมของ FEMA มีขึ้นเพื่อช่วยบรรเทาค่าใช้จ่ายที่ จำ FEMA Disaster Helpline ที่หมายเลข 1-800-621-3362 (FEMA) (สำหรับผู้มีปัญหา ด้านการ ได้ยิน หรือด้าน การพูด สามารถ ติตต่อมาที่หมายเลข 1-800-462-7585) 28 เป็นที่องค์กรอื่นไม่สามารถช่วยได้ รวมไปถึงเงินประกันและเงินกู้จาก SBA โปรดจำไว้ว่า หากท่าน กรอกใบสมัครขอกู้เงินจาก SBA ทาง SBA จะไม่ส่งเรื่องกลับมาที่ FEMA ยกเว้นในกรณีที่ใบสมัครเงินกู้ถูกส่งกลับมายัง SBA และ SBA ตัดสินใจไม่อนุมัติให้ท่านกู้ ท่านไม่จำเป็นต้องส่งใบสมัครกู้เงินจาก SBA หากต้องการขอรับพิจารณา การช่วยเหลือเรื่องค่าเช่าบ้านจาก FEMA กฏหมายพิทักษ์สิทธิอันชอบธรรมของพลเมืองห้ามไม่ให้มีอคติหรือความลำเอียงในด้านใดบ้าง รูปแบบการมีอคติหรือความลำเอียงที่ผิดกฎหมายที่สามารถปิดโอกาสไม่ให้คนมีความเสมอภาคต่อก ารขอรับบริการและความช่วยเหลือมีหลายประเภท การปฏิบัติงานช่วยเหลือของ FEMA ผู้ขอรับ ความช่วยเหลือ (หน่วยงานรัฐในมลรัฐหรือท้องถิ่นที่ได้รับเงินช่วยภัยพิบัติของรัฐบาลกลางจาก FEMA) มิอาจถูกปฏิเสธเพราะเชื้อชาติ สีผิว ศาสนา สัญชาติ เพศ อายุ หรือสถานะทาง เศรษฐกิจไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางวิธีการในการทำสัญญา อันได้แก่ • การปฏิเสธการให้บริการ การช่วยเหลือ หรือสวัสดิการ • ให้การบริการ การช่วยเหลือ หรือสวัสดิการที่แตกต่างจากที่ให้คนอื่นๆ หรือ • การรวมกลุ่มหรือแบ่งแยกการให้บริการ ช่วยเหลือ หรือให้สวัสดิการ ข้อห้ามเหล่านี้มีผลต่อ การเป็นโครงการปฏิบัติงานของรัฐบาลกลางของ FEMA โดยตรง จะทำอย่างไรหากข้าพเจ้ามีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิ หน่วยงานของรัฐบาลกลางแต่ละหน่วยงานที่จัดหาความช่วยเหลือด้านการเงินมีหน้าที่รับผิดชอบ สืบสวนข้อร้องเรียนเรื่องการมีอคติและความลำเอียงในการแบ่งสันปันส่วนเงินช่วย หากท่าน เชื่อว่าตัวท่านหรือบุคคลอื่นซึ่งได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายพิทักษ์สิทธิอันชอบธรรม ได้รับ การปฏิบัติอย่างมีอคติหรือมีความลำเอียงด้านการรับความช่วยเหลือ ท่านสามารถติดต่อ เจ้าหน้า ที่ดูแลความเสมอภาคของ FEMA (Equal Rights Officers หรือ ERO) ผู้มีหน้าที่ดูแลการกระจาย ความช่วยเหลือให้เป็นไปอย่างยุติธรรม เจ้าหน้าที่ ERO จะพยายามแก้ไขปัญหาของท่าน โดยท่านสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ ERO ได้ที่ 1-800-621-3362 (1-800-621-FEMA) หรือ TTY 1-800-462-7585 www.fema.gov 29 หากปัญหาดังกล่าวไม่ได้รับการแก้ไข ท่านสามารถร้องเรียนต่อ FEMA โดยเขียนเป็นจดหมาย และ ลงนามส่งถึง (Office of Equal Rights) ภายใน 180 นับตั้งแต่วันเกิดเหตุ โดยจดหมายร้องเรียน ควรครอบคลุมประเด็นต่อไปนี้: • ชื่อ ที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ของท่าน ท่านต้องเซ็นชื่อในจดหมายร้อง เรียน หากท่านร้องเรียนแทนผู้อื่น กรุณาใส่ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และ ความสัมพันธ์ระหว่างท่าน กับบุคคลนั้น (เช่น เพื่อน ทนาย พ่อ แม่ ฯลฯ) • ชื่อและที่อยู่ของหน่วยงาน สถาบัน หรือแผนก มีท่านเชื่อว่าปฏิบัติต่อ ท่านด้วยความมีอคติและความลำเอียง • ระบุข้อมูลว่าเหตุอคติและความลำอียงเกิดขึ้นอย่างไร ทำไม และ เมื่อ กรุณาระบุรายละเอียดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากท่านทราบโปรด ระบุชื่อของผู้ที่ท่านเชื่อว่าปฏิบัติต่อท่านด้วยความมีอคติและความลำ เอียง • ชื่อของบุคคลอื่นๆ ที่ FEMA สามารถติดต่อเพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนและให้ความกระจ่างเกี่ยวกับข้อกล่าวหาของท่าน FEMA จะจัดการกับการร้องเรียนของข้าพเจ้าอย่างไร เมื่อท่านทำเรื่องร้องเรียน FEMA จะพิจารณา ว่ามีอำนาจในการสืบสวนข้อกล่าวหาของท่านหรือไม่ หาก FEMA รับเรื่อง ร้องเรียน ของท่าน ทาง หน่วยงานจะสืบสวนและพยายามแก้ไขความผิดที่เกิดขึ้น หากไม่สามารถเจรจาให้แก้ไขความผิด นั้นได้ เราจะใช้มาตรการทางกฎหมาย จะเกิดอะไรขึ้นหากข้าพเจ้าถูกแก้แค้นเนื่องมาจากการร้องเรียน ท่านควรทราบว่าเจ้าหน้าที่หรือ หน่วยงานของรัฐไม่มีสิทธิ์แก้แค้นท่าน เพราะการที่ท่านหรือบุคคลอื่น ตั้งข้อหาให้การ หรือทำการ ร้องเรียน ภายใต้การคุ้มครองของกฎหมายพิทักษ์สิทธิอันชอบธรรม หากท่านเชื่อว่าถูกแก้แค้น ท่านควรติดต่อ Office of Equal Rights ของ FEMA ทันที. FEMA Disaster Helpline ที่หมายเลข 1-800-621-3362 (FEMA) (สำหรับผู้มีปัญหา ด้านการ ได้ยิน หรือด้าน การพูด สามารถ ติตต่อมาที่หมายเลข 1-800-462-7585) 30 คำอธิบายและเหตุผลในกรณีที่ไม่สามารถรับการช่วยเหลือได้ 1. การตัดสินใจขั้นต้น 169 B - ไม่มีสิทธิ์ – ไม่มีลายเซ็น : จากข้อมูลของ FEMA ไม่ปรากฏลายเซ็นในแบบฟอร์มใบยืนยัน สิทธิและใบมอบอำนาจ (Declaration & Release Form - 90-69B) ที่ยื่นไปซึ่งแบบฟอร์มนี้จำเป็น ต่อการขอความ ช่วยเหลือ IAW – ไม่มีสิทธิ์ – ที่อยู่เดียวกัน : จากข้อมูลของ FEMA ในขณะที่เกิดภัยพิบัติผู้ยื่นคำร้องขอรับการ ช่วยเหลืออาศัยอยู่บ้านเดียวกับผู้ยื่นคำร้องอื่นซึ่งได้ขอรับความช่วยเหลือจาก FEMA ไปแล้ว FEMA สามารถให้ความช่วยเหลือใบสมัครเพียง นึ่งใบต่อ หนึ่งที่อยู่เท่านั้น IDUPA – ไม่มีสิทธิ์ – ใบลงทะเบียนซ้ำซ้อน : จากข้อมูลของ FEMA ใบคำร้องนี้ได้รับความช่วย เหลือไปแล้ว สำหรับภัยพิบัติครั้งนี้ FEMA จะพิจารณาคำร้องเพียงหนึ่งใบต่อผู้สมัครหนึ่งคน เท่านั้น IID – ไม่มีสิทธิ์ - ความเสียหายไม่รุนแรงพอ : จากข้อมูลของ FEMA เราได้ตัดสินว่าความเสียหาย ที่ผู้ยื่นคำร้องได้รับไม่รุนแรงจนเป็นอันตรายต่อการอยู่อาศัยการตัดสินใจครั้งนี้มีพื้นฐานมาจาก ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากภัยพิบัติครั้งนี้เท่านั้น IIDV – ไม่มีสิทธิ์ – ไม่ผ่านการตรวจสอบข้อมูลยืนยันตัวบุคคล : ก่อนการพิจารณาใบคำร้องขอรับความช่วยเหลือ FEMA จะตรวจสอบข้อมูลที่กรอกในใบคำร้อง ในขณะนี้เราพบว่าชื่อผู้สมัครไม่ตรงกับหมายเลขประกันสังคม ทำให้ไม่สามารถยืนยันตัวบุคคลได้ IMI – ไม่มีสิทธิ์ – ผิดนัดการตรวจความเสียหาย : จากข้อมูลของเรา (FEMA) ผู้สมัครไม่ปรากฏตัวตามที่ได้ นัดหมายกับผู้สำรวจความเสียหาย ในการพิจารณาการขอรับความช่วยเหลือ ผู้ยื่นคำร้อง (FEMA) (หรือสมา ชิก ใน ครอบครัวคนอื่นผู้มีอายุเกิน 18 ปี) จะต้องไปพบกับผู้สำรวจความเสียหายเพื่อประเมินความ เสียหายของสถานที่ (FEMA) ในขณะนี้ผู้สมัครไม่มีสิทธิ์ขอรับการพิจารณา www.fema.gov 31 INCI – ไม่มีสิทธิ์ – ไม่สามารถติดต่อเพื่อสำรวจความเสียหายได้ : ผู้สำรวจความเสียหายของ FEMA ไม่สามารถติดต่อผู้ยื่นคำร้องเพื่อนัดหมายวันเวลาประเมินความเสียหายได้ ในการพิจารณา การขอรับความช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัยจาก FEMA ผู้ยื่นคำร้อง (หรือสมาชิกในครอบครัวคนอื่น ผู้มีอายุเกิน 18 ปี จะต้องไป พบกับผู้สำรวจความเสียหายเพื่อประเมินความเสียหายต่อสถานที่ ในขณะนี้ผู้สมัครไม่มีสิทธิ์ขอรับการพิจารณาสำหรับความช่วยเหลือจาก FEMA INFI – ไม่มีสิทธิ์ – ประกันน้ำท่วม : จากบันทึกของเราบ้านที่ผู้ยื่นคำร้องอาศัยอยู่ในขณะที่เกิดภัย พิบัติ มีประกันน้ำท่วม ในการพิจารณาการขอรับความช่วยเหลือในขณะนี้ผู้สมัครไม่มีสิทธิ์ขอรับ การพิจารณาเนื่องจากมีประกันน้ำท่วม INI – ไม่มีสิทธิ์ – มีประกันภัย (พร้อมการสำรวจความเสียหาย): จากบันทึกของเราบ้านที่ผู้ยื่นคำร้อง อาศัยอยู่ในขณะที่เกิดภัยพิบัติ มีประกัน ความเสียหายใดๆ ที่ระบุในการสำรวจความเสียหายโดย เจ้า หน้าที่จาก FEMA จะได้รับการชดเชยจากประกันของผู้สมัครเอง FEMA ไม่สามารถให้การช่วย เหลือหากผู้สมัครสามารถรับความช่วยเหลือจากแหล่งอื่น รวมทั้งประกัน ดังนั้นผู้ยื่นคำร้องจึง ม่มี สิทธิ์ ขอรับการช่วยเหลือด้านการซ่อมแซมหรือหาบ้านทดแทนจาก FEMA ผู้ยื่นคำร้องควรยื่นคำ ร้องเรียกค่าชดเชยจากตัวแทนประกันอย่างเร็วที่สุด เพราะ FEMA อาจให้ความช่วยเหลือในส่วนที่ ประกันไม่รับจ่าย INO – อุทธรณ์ – ไม่มีสิทธิ์ – ประกันจ่ายเงินทดแทนค่าใช้จ่าย : จากหลักฐานที่ผู้ยื่นคำร้องแนบมา ประกันที่ผู้ยื่นคำร้องทำไว้รับจ่ายค่าเช่าบ้านชั่วคราวให้ผู้ยื่นคำร้องได้อยู่ในระหว่างการซ่อมแซมหรื อสร้างใหม่ เราไม่ได้รับเอกสารที่แสดงว่าผู้สมัครได้ใช้เงินช่วยทั้งหมดที่มีเพื่อเช่าสถานที่อยู่ชั่วคราว หรือการจ่ายเงินประกันเกิดความล่าช้าเกิน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ผู้สมัครยื่นเอกสารขอรับเงินประกัน ดังนั้นเราจึงขอปฏิเสธคำอุทธรณ์ของผู้สมัคร และตัดสินว่าผู้สมัครไม่มีสิทธิ์รับเงินช่วยเหลือค่าเช่า บ้านจาก FEMA INO – ไม่มีสิทธิ์ – ไม่ใช่ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้พำนักอยู่ในสหรัฐอเมริกาตามกฎหมาย : การจะได้รับการพิจารณาคำร้องขอรับการช่วยเหลือ ผู้สมัครจำเป็นต้องกรอกแบบฟอร์มยืนยันสิทธิ และใบมอบอำนาจ Declaration and Release Form (90-69B) จากหลักฐานของเรา ผู้ยื่นคำร้องไม่ได้ ระบุว่า เป็นพลเมืองบุคคลที่มีสถานะเทียบเท่าพลเมือง หรือชาวต่างด้าวที่มีสิทธิอันชอบ ดังนั้นผู้ สมัครจึงไม่มีสิทธิ์รับความช่วยเหลือจาก FEMA FEMA Disaster Helpline ที่หมายเลข 1-800-621-3362 (FEMA) (สำหรับผู้มีปัญหา ด้านการ ได้ยิน หรือด้าน การพูด สามารถ ติตต่อมาที่หมายเลข 1-800-462-7585) 32 INO – ไม่มีสิทธิ์ – ไม่สามารถพิสูจน์ความเป็นเจ้าของได้ : หลักฐานของเราแสดงให้เห็นว่าผู้สมัครยังมิได้พิสูจน์ว่าเป็นเจ้าของบ้านในขณะที่เกิดภัยพิบัติ ดังนั้นผู้สมัครจึงไม่มีสิทธิ์ขอรับการซ่อมแซมหรือการสร้างบ้านใหม่ทดแทนจาก FEMA INONV – ไม่มีสิทธิ์ – ไม่สามารถยืนยันการพักอาศัย : เมื่อผู้สมัครยื่นคำร้องขอรับความช่วยเหลือผู้ สมัครได้แจ้ง FEMA ว่าได้อยู่อาศัยในบ้านนั้นมานานหลายปี แต่เมื่อ FEMA ไปสำรวจความเสียหาย ผู้สมัครไม่สามารถแสดงหลักฐานประกอบว่านั่นเป็นบ้านที่ผู้สมัครเคยอยู่อาศัยจริง เมื่อไม่สามารถ ยืนยันข้อมูลนั้นได้ ผู้สมัครจึงไม่มีสิทธิ์รับความช่วยเหลือเรื่องที่พักอาศัยจาก FEMA INR – ไม่มีสิทธิ์ - ไม่ยอมย้ายที่ : จากหลักฐานของ FEMA ผู้สมัครแจ้งให้ผู้สำรวจความเสียหายจาก FEMA ทราบว่าไม่ต้องการย้ายออกจากบ้านที่ได้รับความเสียหายในขณะที่กำลังซ่อมแซม เมื่อผู้ สมัครไม่ยอมย้ายออก ผู้สมัครจึงไม่มีสิทธิ์ขอรับความช่วยเหลือจาก FEMA ในขณะนี้ INS – ไม่มีสิทธิ์ – มีประกัน (ไม่ได้รับการสำรวจความเสียหาย) : จากหลักฐานที่เรามีบ้านที่ผู้ยื่นคำ ร้องอาศัยในช่วงที่เกิดภัยพิบัติมีประกัน ความเสียหายใดๆ ที่ระบุไว้ใน ใบคำร้องขอรับความช่วย เหลือควรได้รับเงินชดเชยจากประกันของผู้สมัครเอง FEMA ไม่สามารถให้การช่วยเหลือหากผู้ สมัคร สามารถรับความช่วยเหลือจากแหล่งอื่น รวมทั้งประกัน ดังนั้นผู้ยื่นคำร้องจึงไม่มีสิทธิ์ขอรับ การช่วยเหลือด้านการซ่อมแซมหรือสร้างบ้านทดแทนจาก FEMA ผู้ยื่นคำร้องควรยื่นคำร้องเรียกค่า ชดเชยจากตัวแทนประกันอย่างเร็วที่สุด เพราะ FEMA อาจให้ความช่วยเหลือในส่วนที่ประกันไม่รับ จ่าย IOVR – ไม่มีสิทธิ์ – ความเสียหายเกินยอดเงินช่วยเหลือสูงสุดที่ FEMA รับจ่าย : จากหลักฐานของ FEMA ผู้ยื่นคำร้องได้รับยอดเงินช่วยเหลือจำนวนสูงสุดจาก FEMA เป็นค่าที่พักอาศัยและจำเป็น ด้านอื่นๆ ดังนั้นผู้ยื่นคำร้องจึงไม่มีสิทธิ์ขอรับเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมจาก FEMA ISC – ไม่มีสิทธิ์ – อยู่ในเขตที่ไม่ร่วมโครงการ SFHA : จากหลักฐาน FEMA บ้านที่ได้รับความ เสียหายจากน้ำท่วมอยู่ในเขตน้ำท่วมที่ไม่เข้าร่วมโครงการทำประกันน้ำท่วมทั่วประเทศ เนื่องจาก บ้านหลังนี้อยู่ในพื้นที่เสี่ยงพิเศษและเขตที่อยู่อาศัยของผู้ยื่นคำร้องไม่ทำประกันรวม FEMA จึงไม่ สามารถช่วยซ่อมแซมหรือสร้างบ้านให้ไม่ได้ในขณะนี้ www.fema.gov 33 NCOMP – ฝ่าฝืนข้อบังคับของประกันน้ำท่วม : จากหลักฐานของ FEMA ผู้สมัครจำเป็นต้องมี ประ กันน้ำท่วม ในสถานที่อยู่ เนื่องจากบ้านหลังนี้ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม และผู้ยื่นคำร้องไม่มี ประกันน้ำท่วมที่ยังมีผลบังคับใช้กับโครงการประกันภัยรวมทั่วประเทศ FEMA จึงไม่สามารถช่วย ซ่อมแซมหรือสร้างบ้านทดแทนให้ในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม FEMA อาจสามารถให้ความช่วย เหลือ ด้านค่าเช่า หากผู้สำรวจความเสียหายตัดสินว่าบ้านหลังนั้นเป็นอันตรายและผู้ยื่นคำร้องจำเป็นต้อง ย้ายที่อยู่ระหว่างการดำเนินการซ่อมแซม WVO - ถอน – เพิกถอนคำร้องขอรับความช่วยเหลือด้วยความสมัครใจ : จากหลักฐานของ FEMA ผู้สมัครแจ้งความจำนงว่าไม่ต้องการรับความช่วยเหลือจาก FEMA และขอถอนใบสมัครขอรับความช่วยเหลือ 2. การตัดสินใจในขั้นอุทธรณ์ A-I69B- อุทธรณ์ - ไม่มีสิทธิ์ – ไม่มีลายเซ็น (90‐69B): จากข้อมูลของ FEMA ไม่ปรากฏว่ามีแบบฟอร์มใบยืนยันสิทธิและใบมอบอำนาจ (Declaration & Release Form (90-69B)) ที่ลงลายมือชื่อของผู้สมัครรายนี้อยู่ในแฟ้ม สายด่วนสำนักงานฉุกเฉินกลาง (FEMA) จะให้ความช่วยเหลือได้ก็ต่อเมื่อมีการลงลายมือชื่อและลงวันที่ในแบบฟอร์ม 90‐69B และมีแบบฟอร์มนี้อยู่ในแฟ้มเท่านั้น A-IAW- อุทธรณ์ – ไม่มีสิทธิ์ – ที่อยู่เดียวกัน : ในจดหมายก่อนหน้านี้ เราได้อธิบายว่าจากข้อมูลของ FEMA ในขณะที่เกิดภัยพิบัติผู้ยื่นคำร้องขอรับการช่วยเหลืออาศัยอยู่บ้านเดียวกับผู้ยื่นคำร้องอื่นซึ่ง ได้ขอ รับความช่วยเหลือจาก FEMA ไปแล้ว ทาง FEMA ได้พิจารณาเอกสารเพิ่มเติม แต่ยังคงไม่ สามารถตรวจสอบได้ว่าผู้ยื่นคำร้องมีที่อยู่ต่างไปจากบุคคลที่ยื่นใบสมัครไปแล้ว ดังนั้นทางเราจึงขอ ปฏิเสธ การอุทธรณ์ และผู้สมัครไม่มีสิทธิ์ขอรับความช่วยเหลือจาก FEMA A-IID - อุทธรณ์ – ไม่มีสิทธิ์ - ความเสียหายไม่รุนแรงพอ - เจ้าของ : ในจดหมายฉบับก่อนหน้านี้ เราได้แจ้งให้ผู้ยื่นคำร้องทราบว่าไม่มีสิทธิ์ในการขอรับความช่วยเหลือจาก FEMA เพราะระหว่างการ สำรวจความเสียหาย เราได้ตัดสินว่าความเสียหายที่ผู้ยื่นคำร้องได้รับไม่รุนแรงจนเป็นอันตรายต่อ การ อยู่อาศัย การตัดสินใจครั้งนี้มีพื้นฐานมาจากความเสียหายที่เกิดขึ้นจากภัยพิบัติครั้งนี้เท่านั้น เรา ได้อธิบายว่า แม้ภัยพิบัติครั้งนี้อาจก่อให้เกิดความเสียหายเล็กๆ น้อยๆ แต่สมเหตุสมผล ที่จะคาดหวัง FEMA Disaster Helpline ที่หมายเลข 1-800-621-3362 (FEMA) (สำหรับผู้มีปัญหา ด้านการ ได้ยิน หรือด้าน การพูด สามารถ ติตต่อมาที่หมายเลข 1-800-462-7585) 34 ให้ผู้ยื่นคำ ร้อง หรือเจ้าของบ้านดำเนินการซ่อมแซมด้วยตนเองเราได้อธิบายถึงเอกสารที่ สามารถ แนบมาเพื่อ แสดงว่าภัยพิบัตินั้นเกิดก่อให้เกิดอันตรายจนไม่สามารถพักอาศัยได้ เราได้พิจารณาการ อุทธรณ์ และตัดสินว่าการตัดสินใจครั้งแรกของเราถูกต้องแล้ว บ้านหลังนั้นไม่ได้รับความเสียหาย จาก ภัยพิบัติจนทำให้ผู้สมัครไม่สามารถอยู่อาศัยได้ A-IIDV - อุทธรณ์ – ไม่มีสิทธิ์ – ไม่ผ่านการตรวจสอบข้อมูลยืนยันตัวบุคคล : ในจดหมายก่อนหน้านี้ เราขอข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อยืนยันตัวบุคคล ก่อนการพิจารณาคำร้องขอรับความ ช่วยเหลือ FEMA จะตรวจสอบข้อมูลที่กรอกในใบคำร้อง ในขณะนี้เราพบว่าชื่อผู้สมัครไม่ตรงกับ หมายเลขประกันสังคม ทำให้ไม่สามารถยืนยันตัวบุคคลได้ เราได้อธิบายถึงเอกสารที่สามารถนำ มาใช้ประกอบการยืนยันตัวบุคคลได้ FEMA ได้ทบทวนคำอุทธรณ์และเอกสารเพิ่มเติมแต่ยังคง ไม่สา มารถยืนยันตัวบุคคลได้ ดังนั้นทางเราจึงขอปฏิเสธการอุทธรณ์ และไม่สามารถพิจารณาคำร้อง ได้ในขณะนี้ A-IMI – อุทธรณ์ - ไม่มีสิทธิ์ – ผิดนัดการตรวจความเสียหาย : ในจดหมายก่อนหน้านี้เราได้อธิบาย ว่าในการพิจารณาการขอรับความช่วยเหลือจาก FEMA ผู้ยื่นคำร้อง (หรือสมาชิกในครอบครัวคน อื่น ผู้มีอายุเกิน 18 ปี จะต้องไปพบกับผู้สำรวจความเสียหาย เพื่อประเมินความเสียหาย ต่อสถานที่ ข้อมูลของเราระบุว่า ผู้สมัครไม่ปรากฏตัวตามที่ได้นัดหมายกับ ผู้สำรวจความเสียหาย ของ FEMA จากนั้นผู้สมัคร จึงได้ติดต่อสาย ด่วนของ FEMA และ นัดวันเวลาใหม่ แต่ไม่ปรากฏตัว ณ วันนัด อีกครั้ง ดังนั้นเราจึงไม่สามารถ ช่วยผู้สมัคร ได้ มากกว่านี้ A-INCI – อุทธรณ์ - ไม่มีสิทธิ์ – ไม่สามารถติดต่อเพื่อสำรวจความเสียหายได้ : ในจดหมายก่อนหน้านี้ FEMA ได้อธิบายว่าในการพิจารณาการขอรับความช่วยเหลือจาก FEMA ผู้ยื่นคำร้อง (หรือ สมาชิกในครอบครัวคนอื่น ผู้มีอายุเกิน 18 ปี) จะต้องไปพบกับผู้สำรวจ ความ เสียหาย เพื่อประเมิน ความเสียหายต่อสถานที่ และ ผู้สำรวจความเสียหายของ FEMA ไม่สามารถ ติดต่อผู้ยื่นคำร้อง เพื่อนัดหมายวัน เวลา ได้ จากนั้นผู้สมัครจึงได้ติดต่อสายด่วนของ FEMA ขอให้จัดผู้ สำรวจความเสียหายคนใหม่ แต่ผู้สำรวจคน ใหม่ ก็ยังไม่สามารถติดต่อผู้สมัครได้ ดังนั้นเราจึง ไม่สามารถช่วยผู้สมัครได้มากกว่านี้ A-INFI – อุทธรณ์ - ไม่มีสิทธิ์ – ขาดจดหมายแจ้งการรับหรือปฏิเสธการจ่ายเงินชดเชยน้ำท่วม จากประกัน: www.fema.gov 35 จดหมายก่อนหน้านี้ได้แจ้งว่าผู้สมัครไม่มีสิทธิ์รับความช่วยเหลือด้านการซ่อมซ่อมและสร้างบ้านทด แทนจาก FEMA เนื่องจากมีประกันน้ำท่วม เราได้อธิบายถึงเอกสารที่สามารถนำมาใช้ประกอบการ อุทธรณ์ได้ เราได้ทบทวนคำอุทธรณ์และเอกสารเพิ่มเติมแต่ยังคงไม่สามารถตรวจสอบจำนวนเงิน ชดเชยที่ได้รีบได้ ดังนั้นทางเราจึงขอปฏิเสธการอุทธรณ์ และผู้สมัครไม่มีสิทธิ์ขอรับขอรับความช่วย เหลือ เรื่องที่อยู่อาศัย A-INI- A-INS - อุทธรณ์ - ไม่มีสิทธิ์ –ขาดจดหมายแจ้งการรับหรือปฏิเสธการจ่ายเงินชดเชย จากประกัน: จดหมายก่อนหน้านี้ได้แจ้งว่าผู้สมัครไม่มีสิทธิ์รับความช่วยเหลือด้านการซ่อมซ่อมและสร้างบ้านทด แทนจาก FEMA เนื่องจากมีประกัน เราได้อธิบายถึงเอกสารที่สามารถนำมาใช้ประกอบการอุทธรณ์ ได้ เราได้ทบทวนคำอุทธรณ์และเอกสารเพิ่มเติมแต่ยังคงไม่สามารถดำเนินการได้เพราะไม่ได้รับราย ละเอียดของจำนวนเงินชดเชยหรือจดหมายปฏิเสธการชดเชยเงินจากประกัน หากผู้สมัครมีข้อสงสัย เกี่ยวกับเอกสารเพิ่มเติม กรุณาติดต่อสายดว่ น FEMA A-INO – อุทธรณ์ – ไม่มีสิทธิ์ – เลยกำหนด 60 วัน : จดหมายก่อนหน้านี้ได้แจ้งว่า หากผู้ยื่นคำร้อง ประสงค์จะยื่นอุทธรณ์ต่อการตัดสินใจของ FEMA ผู้ยื่นคำร้องจะต้องยื่น เอกสารภายใน 60 วัน นับ แต่ทราบผลการตัดสิน ผู้สมัครไม่ได้ยื่นเอกสารภายในกำหนด 60 วัน ดังนั้นเราจะไม่พิจารณาคำขอ อุทธรณ์ยกเว้นว่าผู้สมัครประสบเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ 1) ต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะเจ็บ ป่วย พิการ หรือสมาชิกคนใดคนหนึ่งในครอบครัวเสียชีวิต 2) มีธุระส่วนตัวหรือธุรกิจต้องเดินทาง ออกจากพื้นที่จนเลยกำหนดเวลา หากผู้สมัครต้องการให้ FEMA พิจารณาคำร้องขออุทธรณ์ ผู้ สมัครสามารถเขียนจดหมายประกอบเอกสารที่จำเป็นต่างๆ เพื่ออธิบายสาเหตุที่ไม่สามารถยื่น คำร้องตามกำหนดเวลา A-INO – อุทธรณ์ - ไม่มีสิทธิ์ – ประกันความเสียหายมีมูลค่าสูงกว่าที่ FEMA ประเมิน : เนื่องจาก FEMA ไม่ใช่บริษัทประกันส่วนบุคคล โครงการซ่อมแซมที่อยู่อาศัยของ FEMA จึงจำกัดเฉพาะการ ซ่อมแซมที่จำเป็นเท่านั้น ดังนั้นจึงถือเป็นเรื่องไม่ปกติหากมูลค่าการประกันสูงกว่าจำนวนเงินที่ FEMA ช่วยออกได้ เพราะ FEMA ไม่สามารถทดแทนความช่วยเหลือที่ประกันมีได้ ดังนั้นจึงต้อง ปฏิเสธคำร้องอุทธรณ์ของผู้สมัคร FEMA Disaster Helpline ที่หมายเลข 1-800-621-3362 (FEMA) (สำหรับผู้มีปัญหา ด้านการ ได้ยิน หรือด้าน การพูด สามารถ ติตต่อมาที่หมายเลข 1-800-462-7585) 36 A-INO – อุทธรณ์ - ไม่มีสิทธิ์ – ไม่ใช่ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้พำนักอยู่ในสหรัฐอเมริกาตามกฎหมาย : จดหมายฉบับก่อนหน้านี้ได้แจ้งให้ท่านทราบว่า FEMA จะไม่พิจารณาคำร้องขอรับการช่วยเหลือ จน กว่าจะได้รับแบบฟอร์มยืนยันสิทธิและใบมอบอำนาจ Declaration and Release Form (90-69B) ที่มี ผู้ยื่นคำร้องหรือสมาชิกในครอบครัวระบุว่าเป็นพลเมือง บุคคลที่มีสถานะเทียบเท่าพลเมืองหรือ ชาว ต่างด้าวที่มีสิทธิอันชอบ นอกจากนั้นเรายังได้แนะนำให้ผู้สมัครกรอก และส่งใบคำร้องอีกอย่าง หนึ่ง เราได้ทบทวนคำอุทธรณ์และเอกสารเพิ่มเติมแต่ยังไม่สามารถตัดสินได้ว่า ผู้ยื่นคำร้องหรือสมาชิกใน ครอบครัวระบุว่าเป็นพลเมือง บุคคลที่มีสถานะเทียบเท่าพลเมืองหรือชาวต่างด้าวที่มีสิทธิอันชอบ ดังนั้นจึงขอปฏิเสธคำร้องอุทธรณ์ของผู้สมัครและไม่รับพิจารณาคำร้องขอรับความช่วยเหลือจาก FEMA A-INO – อุทธรณ์ - ไม่มีสิทธิ์ – ไม่สามารถพิสูจน์ความเป็นเจ้าของได้ : จดหมายฉบับก่อนหน้านี้แจ้งให้ทราบว่าผู้สมัครยังมิได้พิสูจน์ว่าเป็นเจ้าของบ้านในขณะที่เกิดภัยพิบั ติ เราได้อธิบายถึงเอกสารที่สามารถนำมาใช้ประกอบการพิสูจน์ความเป็นเจ้าของ เราได้ทบทวนคำ อุทธรณ์และเอกสารเพิ่มเติมแต่ยังคงไม่สามารถตรวจสอบว่าผู้สมัครเป็นเจ้าบ้านจริง ดังนั้นเราจึงขอ ปฏิเสธการอุทธรณ์ และ ผู้สมัครไม่มีสิทธิ์ขอรับการซ่อมแซมหรือการสร้างบ้านใหม่ทดแทนจาก FEMA A-INO – อุทธรณ์ – ไม่สามารถจ่ายเงินช่วยสูงกว่าค่าเช่าที่ได้รับอนุมัติได้ : ก่อนหน้านี้ เราได้อธิบาย ว่าเงินช่วยเหลือค่าเช่าบ้านรายเดือนพิจารณาจากจำนวนห้องนอนของบ้านที่ผู้สมัครพักอยู่เมื่อเกิดภัย พิบัติ และจำกัดเฉพาะอัตราค่าเช่าบ้านที่ FEMA และการเคหะแห่งสหรัฐฯ (US. Department of Housing and Urban Development, HUD) กำหนด เราได้ทบทวนคำอุทธรณ์และ เอกสารเพิ่มเติม และตัดสินว่าจำนวนค่าเช่ารายเดือนที่เราจ่ายให้เป็นอัตราที่เหมาะสม ดังนั้นเราจึงขอปฏิเสธการ อุทธรณ์ เราไม่สามารถจ่ายค่าเช่ารายเดือนที่สูงกว่านี้ได้ A-INONV –อุทธรณ์ - ไม่มีสิทธิ์ – ไม่สามารถยืนยันการพักอาศัย : จดหมายก่อนหน้านี้ได้แจ้งว่า เรา ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าบ้านที่ผู้สมัครแจ้งว่าได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติเป็นบ้านที่ผู้สมัครอยู่ อาศัยในบ้านนั้นมานาน เราได้ทบทวนคำอุทธรณ์และเอกสารเพิ่มเติมแต่ยังคงไม่สามารถ ตรวจสอบ ได้ว่าข้อมูลนั้นเป็นจริง ดังนั้นเราจึงขอปฏิเสธการอุทธรณ์ และผู้สมัครไม่มีสิทธิ์รับความช่วยเหลือ เรื่องที่พักอาศัยจาก FEMA www.fema.gov 37 A-IOVR – อุทธรณ์ - ไม่มีสิทธิ์ – ความเสียหายเกินยอดเงินช่วยเหลือสูงสุดที่ รับจ่าย : ในจดหมายก่อนหน้านี้ เราได้อธิบายว่า ผู้สมัครจะไม่มีสิทธิ์รับความช่วยเหลือเพิ่มเติมจาก FEMA เนื่องจาก FEMAได้ให้ความช่วยเหลือค่าที่พักอาศัยและจำเป็นด้านอื่นๆ จนเต็มยอดเงินช่วยเหลือ สูงสุด เราได้ทบทวนคำอุทธรณ์และเอกสารเพิ่มเติม แต่หลักฐานที่เรามียังระบุว่าผู้สมัคร ได้รับเงิน ช่วยเหลือเต็มจำนวนแล้ว ผู้ยื่นคำร้องจึงไม่มีสิทธิ์ขอรับเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมจาก FEMA A-ISC – อุทธรณ์ – ไม่มีสิทธิ์ – อยู่ในเขตที่ไม่ร่วมโครงการ SFHA : จดหมายก่อนหน้านี้ ได้อธิบาย ให้ผู้สมัครทราบว่าผู้สมัครไม่มีสิทธิ์รับความช่วยเหลือด้านการซ่อมแซมหรือสร้างบ้านทดแทนจาก FEMA เนื่องจากบ้านที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมอยู่ในเขตน้ำท่วมที่ไม่เข้าร่วมการทำประกัน น้ำท่วมทั่วประเทศ (NFIP) จดหมายฉบับนั้นยังได้อธิบายถึงเอกสารที่สามารถนำมาประกอบการ อุทธรณ์ และเราได้ทบทวนคำร้องขออุทธรณ์และเอกสารเพิ่มเติม หลักฐานของเราก็ยังระบุว่า บ้าน ของผู้สมัครอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมและความเสียหายที่เกิดขึ้นเกิดจากภาวะน้ำท่วม ดังนั้นจึงขอปฏิเสธ คำอุทธรณ์ ผู้ยื่นคำร้องไม่สามารถรับความช่วยเหลือจาก FEMA ได้ A-NCOMP- อุทธรณ์ – ฝ่าฝืนข้อบังคับของประกันน้ำท่วม : จดหมายก่อนหน้านี้ได้แจ้งให้ทราบว่าผู้ยื่นคำร้องไม่มีสิทธิ์รับความช่วยเหลือด้านการซ่อมแซมและ สร้างบ้านทดแทนจาก FEMA เพราะผู้สมัครไม่ได้ปฏิบัติตามข้อบังคับด้วยการมีประกัน น้ำท่วม ใน พื้นที่ของตน เนื่องจากเราไม่ได้รับเอกสารใดๆ ที่จะตัดสินว่าบ้านหลังนั้นไม่ได้รับความเสียหาย เพราะน้ำท่วม และ/หรือ ไม่ได้รับเอกสารที่แสดงว่าผู้สมัครมีประกันน้ำท่วมที่ยังมีผลบังคับใช้ ทางเราจึงขอปฏิเสธคำอุทธรณ์􀙛 ถเรถ FEMA Disaster Helpline ที่หมายเลข 1-800-621-3362 (FEMA) (สำหรับผู้มีปัญหา ด้านการ ได้ยิน หรือด้าน การพูด สามารถ ติตต่อมาที่หมายเลข 1-800-462-7585) 38 ตัวอย่าง – แบบฟอร์มยืนยันสิทธิและใบมอบอำนาจ (FEMA Form 90-69 B Declaration and Release) www.fema.gov 39 หากท่านสงสัยว่ามีผู้ใดกรอกเอกสารเท็จเพื่อเรียกร้องค่าเสียหาย กรุณาโทรศัพท์ติดต่อ สายด่วนทุจริตของ FEMA 1-800-323-8603 โปรดช่วยเป็นหูเป็นตาให้ FEMA ช่วยกันสอดส่องให้แน่ใจว่าเงินช่วยเหลือเพื่อการบรรเทาสาธารณภัย ถึงมือผู้ที่สมควรได้รับ การกรอกเอกสารเท็จเพื่อหวังเงินชดเชยถือเป็นความผิดทางอาญา FEMA ช่วยเหลือทุกคนและทุกครอบครัวที่ประสบภัยพิบัติและมีคุณสมบัติสำหรับการเป็นผู้ขอรับความช่วยเหลือค รบถ้วน เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลาง รัฐ ท้องถิ่น หรือเจ้าหน้าที่ใดๆ ก็ไม่อาจมีอคติต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งอันเนื่องมาจากเชื้อชาติ สีผิว ศาสนา เพศ อายุ ภูมิลำเนา ความพิการ หรือสถานะทางเศรษฐกิจ